วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

100 Things I've Learned About Photography

วันนี้นั่งอ่านบล็อคของเพื่อนๆ ในบล็อคแกงค์ไปเจอบล็อคนึงเขียนเรื่องนี้เอาไว้อ่านดูแล้วก็รู้สึกว่า เออ..จริงแฮะ เลยอยากเอามาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์กันหลายๆ คน ลองอ่านกันดูนะครับ

ขอขอบคุณต้นฉบับ .. จากที่นี่ครับ : ow.ly/66vbZ

อันนี้บล็อคของเพื่อนที่เอามาเผยแพร่ ผมไปอ่านเจอที่นี่แหละครับ ลองตามลิ้งค์ไปอ่านก็ได้ครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moresaw&month=11-10-2011&group=4&gblog=7

 

(100 Things I've Learned About Photography)
100 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการถ่ายภาพ

  1. Never do photography to become a rock-star
    อย่าถ่ายรูป เพราะหวังว่าจะได้เป็นดารา
  2. Enjoy what you are shooting
    สนุกกับสิ่งที่เรากำลังจะถ่าย
  3. Prepare well for your shooting, realizing that your battery isn’t charge when you’re setting up for that sunrise shoot is too late
    เตรียมตัวให้ดีๆ ก่อนถ่าย การนึกออกได้หลังจาก .. ตื่นตีห้า เดินอีกสามกิโลไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น ว่า .. เมื่อคืนไม่ได้ชาร์จแบต .. มัน "สาย" ไปมาก
  4. Always take one warm garment more than you actually need with you
    อย่าลืมใส่เสื้อตัวอุ่นเพิ่มอีกตัว
  5. Pay attention to your thoughts and emotions while you are shooting
    ใส่ใจกับหลากความคิดและหลายอารมณ์ของคุณ ขณะกำลังจะกดชัตเตอร์
  6. Set goals you can achieve
    ตั้งเป้า .. ในสิ่งที่ทำได้
  7. Write tips about photography, because writing is also learning
    เขียนกลเม็ดการถ่ายรูป เพราะการเขียนคือการเรียนรู้
  8. Never go shooting without a tripod
    อย่าไปถ่ายรูป โดยไม่มีขาตั้ง
  9. Be pleased with the little prosperities
    แสดงยินดีกับตัวเองเสมอ แม้ก้าวหน้าไปเล็กน้อย
  10. Build relationships with potential photo buddies
    สร้างความสัมพันธ์อันดีงาม กับเพื่อนซี้ที่รักถ่ายรูป
  11. Watch the place you want to shoot first with your heart then with the camera
    เล็งดูสรรพสิ่งที่คุณจะถ่าย ด้วยหัวใจและจิตใจของคุณก่อนเล็งด้วยกล้อง
  12. Always stay calm
    ใจเย็นเสมอ
  13. Know that you tend to overestimate yourself
    รู้ให้แม่นว่า คุณยกตัวเองเกินไป
  14. Perspective is the killer
    มุมมองสัดส่วนที่ตาเห็น ทำภาพเจ๊งเสมอ
  15. Dedicate yourself to photography, but never browbeat yourself too much
    ทุ่มเทตัวเราให้กับการถ่ายรูป  แต่อย่าถึงกับเคี่ยวเข็ญ
  16. Take part in a photography community
    มีส่วนร่วมกับสังคมคนถ่ายรูป
  17. Keep your camera clean
    รักษากล้องให้สะอาดหน่อย
  18. Never compare yourself to others in a better or worse context
    อย่าเทียบตัวเองกับคนอื่น ในแง่ว่าเราดีกว่าหรือแย่กว่า
  19. Find your own style of photography
    จงค้นหาสไตล์การถ่ายรูปของคุณเองให้ได้
  20. Try to compose more and to hit the shutter less
    พยายามเล็งมุมมองให้มากเข้าว่า  แล้วกดชัตเตอร์ให้น้อยเข้าไว้
  21. Seek out and learn to accept critique on your images
    จงค้นหาและเรียนรู้ที่จะยอมรับได้ .. กับคำวิจารณ์รูปถ่ายของคุณ
  22. Do something different to recover creativity
    ทำอะไรให้มันแตกต่่างซะมั่ง  จะได้เจอความคิดสร้างสรรค์ที่ทำหล่นหายไป
  23. Get inspiration from the work of other photographers
    เก็บแรงบันดาลใจ จากงานของตากล้องคนอื่น
  24. Criticize honestly but respectfully
    วิจารณ์อย่างจริงใจ แต่อ่อนน้อมสุภาพ
  25. Get feedback from your lady
    น้อมรับคำแนะนำจากคุณแฟนคุณเสมอ !!!
  26. Don’t copy other photographer’s style
    อย่าก๊อปสไตล์ตากล้องคนอื่น
  27. Be bold
    ทำใจกล้าๆ เข้าไว้ !!!
  28. Take care of the golden ratio
    ดูแลอัตราส่วนทองให้ดีๆ  (โปรดค้นหาความหมาย อัตราส่วนทอง จาก wiki)
  29. 10 mm. rocks!
    ความยาวโฟกัสเลนส์ 10 mm. มัน .. ระเบิดเถิดเทิง!
  30. Take self portraits
    ถ่ายรูปตัวเองมั่ง
  31. Read books about photography
    อ่านหนังสือตำราถ่ายรูปให้มากเข้าไว้
  32. To give a landscape photograph the extra boost, integrate a person (maybe yourself)
    ภาพถ่ายทิวทัศน์น่าดูขึ้น อย่าลืมใส่"มนุษย์"เข้าไปด้วย (ไม่มีใคร ตัวเองก็ได้)
  33. Every shooting situation is different than you expect
    ทุกสถานการณ์ถ่ายรูป ไม่เคยเป็นตามที่เราคิด :-)
  34. Pay attention to s-curves and lines
    ใส่ใจกับเส้นโค้งตัว S และเส้นตรง
  35. Always shoot in RAW
    ถ่้ายเป็น RAW เสมอ
  36. Keep your sensor clean, so you can save some work cleaning your image in post production
    รักษาเซนเซอร์ให้สะอาด จะช่วยลดเวลาในการทำความสะอาดรูปของคุณหลังถ่าย (ไม่ขอแปลที่เหลือ)
  37. Discover the things you think are beautiful
    ค้นหาทุกสรรพสิ่งที่คิดว่างดงามให้เจอ
  38. It takes time to become a good photographer
    จะเป็นตากล้องชั้นเทพ มันต้องอาศัยเวลา
  39. The best equipment is that what you have now
    อุปกรณ์ถ่ายรูปที่ดีที่สุด คือ อะไรที่ใช้อยู่ตอนนี้นั่นแหละ
  40. You can’t take photographs of everything
    เราไม่สามารถถ่ายรูปทุกอย่างได้หรอก
  41. Break the rules of photography knowingly, but not your camera ;)
    พยายามทำลายกฏการถ่ายรูปที่รู้จักทุกกฏ  แต่อย่าแม้แต่จะคิด .. ที่จะทำลายกล้อง ;)
  42. Pay attention to the different way that light falls on different parts of your scene
    ใส่ใจกับวิถีแสงที่ส่องสู่แง่มุมต่างๆของภาพที่จะถ่าย
  43. The eye moves to the point of contrast
    ตาเรา ชอบมองแต่จุดที่แตกต่าง
  44. Clouds increase the atmosphere of a landscape
    เมฆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ภาพทิวทัศน์
  45. Start a photoblog
    เริ่มเขียนบล็อกถ่ายรูปได้แล้ว
  46. Accept praise and say “thank you”
    น้อมรับคำยกย่อง ก่อนกล่าวคำ ขอบคุณ
  47. ‘Nice Shot’ is not a very useful comment to write
    'ถ่ายดีนี่' ไม่ใช่คำวิจารณ์ภาพที่มีประโยชน์อะไรเลย
  48. ‘Amazing!’ isn’t useful either. Try to describe specifically what you like or don’t like about an image.
    'ถ่ายเยี่ยม' ก็ไม่ได้ประโยชน์พอกัน  พูดให้มันชัดๆสิว่า เราชอบหรือไม่ชอบภาพ ตรงไหน เพราะอะไร
  49. You are not your camera
    'คุณ' .. ไม่ใช่กล้องของคุณ
  50. Ask a question at the end of your comment on a photo to get a ping-pong conversation with the photographer
    อย่าลืมถาม .. ตอนจบความเห็นเกี่ยวกับรูปภาพเพื่อจะได้ 'คุยกันมั่ง' กับช่างภาพ
  51. Do a review of your archives on a regular basis, the longer you photograph - the more diamonds are hidden there
    เอาภาพที่ถ่ายไว้มาดูบ่อยๆ ให้สม่ำเสมอ   ยิ่งถ่ายรูปนานเท่าไหร่ ยิ่งเจอขุมทรัพย์แห่งรูปที่ซ่อนอยู่
  52. Always clarify what the eyecatcher (focal point) will be in your image
    ในรูปที่คุณถ่ายมา จุดไหนที่คนมองเห็นในแว่บแรก
  53. No image is better than a bad one
    ไม่มีภาพกลับมา ยังดีกว่ามีภาพห่วยๆ
  54. Everyone has to start little
    ทุกคน มันเริ่มที่ห่วยๆ ทั้งนั้น
  55. Your opinion about photography is important!
    ความเห็นคุณ เกี่ยวกับการถ่ายรูป .. มันสำคัญ
  56. Leave a funny but thoughtful comment
    อย่าลืมให้ความเห็นที่ขันๆ แต่มีความคิดที่ดี
  57. Speak about your experiences with your photo buddies
    พูดถึงประสบการณ์ (แหงละ .. เอาแต่ที่ดีๆ) เกี่ยวกับคู่หูถ่ายภาพของเรา
  58. Limit your photograph to the substance
    ถ่ายแต่เฉพาะภาพของโลกนี้
  59. Participate in Photo contests
    เข้าร่วมประกวดถ่ายภาพมั่งดิ
  60. Post processing = Optimizing your image to the best result
    การแต่งภาพหลังถ่าย = ปรับภาพเยี่ยมๆ ให้เยี่ยมยอดสุด
  61. Shoot exposure latitudes as often as possible
    ถ่ายคร่อมเข้าไว้
  62. Use photomatix as seldom as possible, HDR’s always have a synthetic flavor
    อย่าไปถ่าย HDR ให้มันมาก  มันเก๊ๆพิก๊ล
  63. Always remember what brought you to photography
    พยายามระลึกเสมอๆ ว่า อะไรทำให้คุณรักการถ่ายรูป
  64. Never shoot a person who doensn’t want to be photographed
    อย่าถ่ายรูปคน ที่ไม่ต้องการถูกถ่าย
  65. Always turn arround, sometimes the better image is behind you
    มองดูหลังซะมั่ง  บางทีภาพสวยๆ อยู่ข้างหลังเรานี่เอง
  66. It’s who’s behind the camera, not the camera
    คนที่อยู่หลังกล้องตะหาก ไม่ใช่กล้อง
  67. Mistakes are allowed! The more mistakes you make, the more you learn!
    ไม่มีใครไม่ทำผิด ยิ่งผิดมากก็จะยิ่งรู้มากขึ้น
  68. If you have an idea and immediately you think : No, this is not going to work - Do it anyway. When in doubt - always shoot.
    ทันทีที่มีไอเดียบรรเจิด แล้วเกิดคิดว่า มันไม่เวิร์คหรอก ทำมันไปเลย  สงสัยเมื่อไหร่ กดชัตเตอร์ไปก่อน
  69. Understand and look to your histogramm while shooting. It delivers very important information about your image
    ทำความเข้าใจกับ histogram ขณะถ่ายหน่อย เข้าใจมันด้วย มันมีข้อมูลสำคัญๆ ไม่ใช่น้อยนะ
  70. Know your camera, because searching the menu button in the night is time you don’t want to waste
    รู้จักกล้องเรา ให้ดีเหมือนตัวเอง  คุณไม่อยากเสียเวลาควานหาปุ่มกดในความมืดหรอก มันไม่สนุกนักนะ
  71. Shoot as often as possible
    ถ่ายให้บ่อยๆเข้าไว้ เท่าที่จะทำได้
  72. Believe in yourself
    เชื่อมั่นในตัวเอง
  73. Don’t be afraid of getting dirty
    อย่ากลัวที่ตัวเละเลอะเทอะ
  74. Pay attention to qualitiy in your image
    ใส่ใจกับคุณภาพของรูปหน่อย
  75. Your photographs are a personal map of your psyche
    รูปของเรา คือ แผนผังตัวตนและจิตวิญญาณของเรา
  76. Re-check your ISO-Settings. It’s aweful to detect the wrong settings on your screen.
    เช็ค เช็ค เช็ค และเช็คอีกสี่สิบหน ว่าตั้ง ISO ถูกหรือเปล่า  มันสยองนะที่รู้ว่ามันผิด ตอนที่เห็นรูปอยู่บนหน้าจอคอมพ์แล้ว
  77. Be thankful for long and thoughtful comments on your images
    จงขอบคุณด้วยหัวใจเราทั้งหมด  หากเห็นใครวิจารณ์ภาพของเรา ยาวเหยียดและเปี่ยมด้วยความคิดวิพากย์ (ลองพิมพ์อย่างนั้นดู ก่อนจะขอบคุณก็ได้)
  78. Never trust your LCD. Normally it is brighter and sharper as the original image.
    อย่าไปเชื่อจอ LCD  มันสว่างและคมกว่าภาพต้นฉบับ
  79. Provide for enough disc space, because it’s cheap and you will need it.
    หาฮาร์ดดิสก์ใหญ่ๆเข้าไว้  มันราคาถูกลงเรื่อยๆ และสุดท้ายแล้ว เราต้องการมันแน่นอน
  80. Learn to enjoy beautful moments when you don’t have a camera with you.
    เรียนรู้ ที่จะมีความสุขกับวินาทีแห่งความงดงาม .. ยามเราไม่มีกล้องอยู่ด้วย
  81. Always arrive at least half an hour earlier before sunrise / sundown, composing in a hurry is a bad thing.
    ไปถึงจุดที่จะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ก่อนกำหนดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง  รีบๆ รัวถ่าย มันมักไม่ได้อะไรดีๆ กลับมาหรอก
  82. Try to amplify your mental and physical limits. Takes some extra shots when you think “it’s enough”
    พยายามขยายขอบเขตจำกัดของจิตใจและจิตวิญญาณ  เมื่อคิดว่าพอแล้ว .. กดเพิ่มอีกสามสี่ช็อต
  83. Pay attention to structures in the sky and wait until they fit into structures in the foreground
    ใส่ใจกับภาพลักษณ์แห่งฟ้า  รอจนกว่าเข้ากับฉากหน้าของคุณ
  84. Visit the same place as often as possible. Light never shows the same mountain.
    กลับไปดูที่เดิมให้บ่อยๆ เข้าไว้  วิถีแสงแห่งภูเขาลูกเดิม ไม่เคยเหมือนเดิม
  85. Print your images in big size. You will love it.
    อัดภาพใหญ่ๆ เข้าไว้ แล้วจะรักมันเองในที่สุด
  86. Calibrate your monitor. Working with a monitor that is not accurate is like being together with someone you can’t trust. It always ends badly.
    ปรับจอภาพให้บ่อยเข้าไว้  ทำงานกับจอภาพที่เชื่อถือไม่ได้ ก็เหมือนกับทำงานกับคนที่เชื่อถือไม่ได้   ผลสุดท้าย .. เฮงซวยเสมอ
  87. Don’t think about what others may say about your image. If you like it, it’s worth publishing.
    อย่าไปคิดว่า คนอื่นจะบอกว่ารูปเราเป็นอย่างไร  ถ้าเราชอบมัน .. เผยแพร่มันโลด
  88. Never address reproaches to yourself. Learn from your mistakes and look forward, not backward.
    อย่าตำหนิตัวเอง  เรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วมองไปข้างหน้า
  89. Fight your laziness ! Creativitiy comes after discipline.
    อย่าขี้เกียจ!!!  ความสร้างสรรค์ เดินตามหลังระเบียบวินัยเสมอ
  90. Ask yourself : What do you want to express in your images ?
    ถามตัวเองสิ : ต้องการแสดงอะไรในรูปที่ถ่ายมา
  91. Always try to think outside the box, collect new ideas about photographs you could do and ask yourself : Why not?
    คิดนอกกรอบ  หาแนวคิดถ่ายรูปใหม่ๆที่เราน่าจะทำได้ ก่อนถามตัวเอง .. ทำไมไม่ทำมันว่ะ!
  92. Search for a mentor.
    อย่าลืมเสาะหาปรมาจารย์
  93. Photography is never a waste of time.
    การถ่ายรูป ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาเปล่า
  94. Every community has it’s downsides. Don’t leave it out of an emotional response..
    ทุกวงสังคม ย่อมมีด้านมืด อย่าปะทะด้วยอารมณ์
  95. There will always be people who will not like what you are doing.
    ไม่ว่าเราจะเยี่ยมแค่ไหน มีคนบางคนชังน้ำหน้าคุณเสมอ
  96. Henri Cartier-Bresson was right when he said that “Your first 10,000 photographs are your worst.”
    ปรมาจารย์ถ่ายภาพ HCB พูดถูกเพ๊ะ ที่บอกว่า "10,000 ภาพแรกของคุณ เป็นภาพที่ห่วยสุด"
  97. A better camera doesn’t guarantee better images.
    กล้องเทพ ไม่ได้รับประกันว่า รูปจะออกมาเทพ
  98. Always have printing in mind when you postprocess your images.
    คิดถึงการอัดรูปเสมอ ยามตกแต่งภาพหลังถ่าย
  99. Photography is fair : You gain publicity with the quality of your images. Unless the images are stolen, there is no way of cheating yourself higher.
    การถ่ายรูป ยุติธรรมที่สุด  สังคมยอมรับเราเพราะภาพเราเจ๋ง ไม่ใช่เพราะหลอกตัวเอง
  100. Write a 100 things list
    อย่าลืมเขียนรายการ 100 รายการ :-)

 

เขียนเมื่อ : วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ.2554 เวลา 23:30 น.GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวเมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่น - วันเดินทางกลับ

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

Summary

On Trip : FRI.16 – SUN.18 SEPTEMBER,2011
Interval : 3 Days 2 Nights
Location : Smile Beach Boutique Resort
GPS : N12.557663, E101.914587
Distance : approx. 220 KM.

ตื่ น ม า แต่เช้าอีกแล้ว นอนเร็วก็ตื่นเร็ว อากาศยามเช้านี่มันสดชื่นจริงๆ เปิดประตูกระท่อมน้อยคอยรับโอโซนจากทะเลซักหน่อย น้องเอแคลร์ตื่นแต่เช้าจนชินแล้วเพราะรถโรงเรียนมารับตั้งแต่ 6 โมงครึ่งเลยต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน มาเที่ยวก็เลยพลอยตื่นเช้าไปด้วย มาพักที่สมาย บีช บูติค รีสอร์ทมา 2 คืนแล้ว ยังไม่ได้พาเข้าไปชมภาพในกระท่อมน้อยของเราที่ใช้เป็นที่หลับนอนพักผ่อนในวันที่ผ่านมาเลยซักที ถ้างั้นก่อนกลับ..วันนี้ก็เอาซักหน่อยก็แล้วกันนะ

  
นายแบบส่วนตัว (ที่ไปเที่ยวหลายๆ ที่ก็เพราะคนนี้คนเดียวเลย) / หน้าห้อง..แต่ไม่มีรองเท้านะ 555+

   
มองจากระเบียงหน้าห้องจะเห็นสวนหย่อม / มองทางซ้ายก็เป็นทางเดินลงไปสู่ชายหาด หรือจะเดินไปกินอาหารเช้ากันก็ทางนี้แหละ

  
ที่ชายหาดมีอนุสาวรีย์ช้างชูงวงด้วย แล้วอีกทั้งยังแอบพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์พิสัยไกลที่เอาไว้ถล่มชาติมหาอำนาจ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนสนามหญ้าของรีสอร์ทอีกด้วย 555+

 
อันนี้เป็นกระท่อมข้างๆ แอบส่องแล้วไม่มีใครพัก..อิอิ..

เ รี ย น เ ชิ ญ เข้าไปชมด้านในกระท่อมของเรากันบ้างนะ

 
เลื่อนประตูกระจกเปิดเข้ามา มองซ้ายก็จะพบกับเตียงนอน 2 เตียง แต่ผมเลื่อนมันมาติดกันซะ กว้างขวางมโหฬารนอนกัน 2 คนพ่อลูกยังเหลือพื้นที่อีกเพียบ

   
มองตรงไปก็จะพบกับประตูทางออกสู่ระเบียงหลังกระท่อม โผล่หน้าออกไปดูก็พบระเบียงยาวๆ และราวตากผ้า มองกลับมาก็เห็นห้องข้างๆ และรีสอร์ทข้างๆ นั่นเอง

 

เมื่อเราเดินจากนอกระเบียงหลังกระท่อมกลับเข้ามาในห้อง ด้านซ้ายมือจะมีตู้ใส่เสื้อผ้าหน้าตาวินเทจมาก โต๊ะเล็กวางกระจกแบบพับได้อยู่ด้านบน พร้อมเก้าอี้ไม้ทรงกลมเข้าชุดกัน ใต้กระจกมีลิ้นชักเล็กๆ เอาไว้เก็บของกระจุกกระจิกเล็กไ น้อยๆ ลวดลายออกไปเป็นแนวๆ ทวิภพอะไรประมาณนั้น อะไรจะวินเทจกันซะขนาดนั้น เดี๋ยวก็ได้มีใครหายเข้าไปในกระจกกันบ้างแหละ(ฮา) ถัดมาเป็นตู้เย็นหร้อมมินิบาร์ในตู้ พร้อมแจ้งราคาไว้เสร็จสรรพ ถ้าจะหยิบกันนี่ต้องชะงักคิดแล้วคิดอีกเลย โดยตู้เย็รจะอยู่ในชั้นวางทีวีทรงสูง(มาก)อีกที คราวนี้ทีวีเลยอยู่สูงปรี๊ดเข้าไปอีก กล่องเปลี่ยนช่องทีวีดาวเทียมยิ่งอยู่สูงเข้าไปใหญ่ เวลานอนดูทีวีอยู่ ถ้าจะเปลี่ยนช่องแต่ละที ก็ต้องยืดแขนยืดตัวกันสุดๆ แต่มีทีวีให้ดูเยอะแยะมากมายก่ายกองถึง 253 ช่อง ป๊ะป๋าก็ยังอุตส่าห์กดดูจนครบทุกช่องเหมือนกัน 555+ แล้วเลยมาก็มีโต๊ะรับแขกเล็กๆ พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ผลิตภัณฑ์จากไม้อีกเช่นกัน คาดว่าการตกแต่งของที่แน่น่าจะเน้นแนวๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะดูจากเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ล้วนๆ

เ ดี๋ ย ว พาไปดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า ขาดไม่ได้เพราะเป็นห้องที่ให้ความสุขสุดยอดกับทุกคน หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง?

  
ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือหน้าทางออกสู่ระเบียงหลังบ้าน ประตูเป็นไม้ติดกระจกสี เปิดเข้าไปเจอนี่ก่อนเลย อ่างล้างหน้าและกระจกเงาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน

  
สุขภัณฑ์แบบชักโครกพร้อมสายฉีดน้ำชำระ นั่งไปดูหน้าตัวเองในกระจกไปสุขใจพิลึกเนอะ / ส่วนอันนี้บันไดไม้ไผ่เอาไว้ปีนไปเปลี่ยนหลอดไฟ..เฮ้ย..ไม่ใช่ เค้าให้เอาไว้แขวนผ้าเช็ดตัว แน่ะ..มีกระจกฝ้าด้วย จุ๊กกรู๊ วู๊ๆๆๆ วี๊ดวิ๊ว..

 
รีสอร์ทนี้ friendly สูงมาก เวลานอนถ้าเปิดม่านหน้ากระท่อมไว้นะ รับรองเห็นหมดไม่ว่าจะน้ำลายไหลยืดหรือนอนท่าประหลาดแค่ไหน !!! เพราะเราอยากให้คุณรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ใครเดินผ่านไปมาสามารถมองเข้ามาพบเจอกันทักทายกันได้ทุกเวลา .. ฮา ฮ่า ฮ้า .. ล้อเล่นน๊า .. ใครจะบ้านอนเปิดม่านให้ดูกันล่ะ ทำอะไรก็เห็นหมดอ่ะดิ .. วู้ววว..

พ อ แ ร ะ ..รีบออกจากห้องไปกินอาหารเช้าดีกว่า ชักจะเริ่มติดเรท PG (Parental Guidance Suggested) แล้วเนี่ยะ เดี๋ยวจะต้องรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพราะมันเป็นเวลาที่เราจะต้องกลับสู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรกันแล้ว ลองไปดูวิวหาดทรายบริเวณแคนทีนที่กินอาหารเช้ากัน

 

 
นั่งมองจากแคนทีนก็จะเห็นชายหาดเต็มตาแบบนี้แหละ เลยอดใจไม่ไหวของเชิญนายแบบกิตติมศักดิ์ออกไปเก็บภาพซักหน่อย ได้ภาพรองเท้าของเค้ามาด้วยแฮะ ริมหาดที่ชิงช้าให้นั่งเล่นเพลินๆ ด้วย

อิ่ ม ท้ อ ง กันด้วย ABF เช่นเดิมก็กลับมาเก็บกระเป๋า สัมภาระ สัมภารกสารพัดสารพัน ขามาก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ขากลับทำไมมันเยอะขึ้นล่ะ ถึงเวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ 11 โมงเช้าออกไปเช็คเอาท์ได้เวลาโบกมือลา สมาย บีช บูติค รีสอร์ทกันแล้ว ออกจากรีสอร์ทได้มุ่งหน้าตรงไปร้านยายตุ๊อีกรอบ สั่งอาหารอีกชุดใหญ่กลับไปฝากคุณปู่คุณลุงที่ไม่ได้มาด้วย เพราะต้องอยู่บ้านคอยเป็นทาสรับใช้ดอลล่าร์กับยูโรทั้งสองตัว ระหว่างทางขากลับมีโอกาสได้แวะเที่ยวจุดชมวิวอีก 2 แห่งที่อยู่ในเส้นทางผ่านพอดี ตามไปชมวิวกันครับ

 

ที่ หาดคุ้งวิมานจะมีจุดชมวิวอยู่ 2 แห่ง จุดแรกเราแวะกันที่ “จุดชมวิวพระยืน” ที่พระพุทธรูปยืนอยู่บนเขาหันหน้าออกสู่ทะเลมีศาลาที่พักเล็กๆ ไว้หลบแดดอันร้อนระอุ แต่ภาพอันงดงามของชายหาดคุ้งวิมานจากจุดชมวิวพระยืนก็คุ้มค่าที่ฝ่าเปลวแดดยามเที่ยงๆ เช่นนี้เพื่อขึ้นไปชื่นชม ภาพท้องทะเลสีครามและท้องฟ้าสีฟ้าสดสวยนั่นเหมาะที่จะบันทึกไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำเป็นแน่แท้

อ อ ก จ า ก จุดชมวิวพระยืน เราก็ไปต่อกันที่จุดชมวิว “เนินนางพญา” ต้องขับขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งขณธที่ไปนั้นถนนกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม (หรือว่าพังแล้วยังไม่ซ่อมก็ไม่รู้ !!!) ต้องค่อยๆ ขับขึ้นไป หากใครจะขึ้นไปก็โปรดใช้ความระมัดระวังให้มากๆ เพื่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของทุกท่านนะครับ

 
มาดูป้ายบอกทางขึ้นไป “จุดชมวิว” (Jood Chom View) … !?!?!?!? เค้าตั้งใจเขียนแบบนี้ใช่ไหมคร๊าบบบบ..แสดงว่าผมเข้าใจผิดมาตลอด..นึกว่าเค้าจะเรียกว่า View Point ซะอีกแฮะ

ก า ร ขับรถขึ้นไปชมจุดชมวิว “เนินนางพญา” เราต้องขับผ่านสวนสาธารณะที่สร้างใหม่บริเวณแนวกันคลื่นที่ถมด้วยหินก้อนใหญ่ยักษ์ ขึ้นไปสู่บนเนินสูงที่สามารถมองเห็นทะเลได้โดยรอบมากกว่า 180 องศา ทั้งฝั่งด้านแนวกันคลื่นด้านขวาและทางฝั่งซ้ายที่เป็นหน้าผาสูงและผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ไกลสุดตา พร้อมทั้งเกาะแก่งเรียงรายล้อมอยู่โดยรอบ ใครที่มาถึงชายหาดคุ้งวิมานแล้วไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

แ ล ะ หลังจากสองคนพ่อลูกเดินตากแดดเปรี้ยงๆ กันมาได้ซักพัก ชักเริ่มออกอาการหน้ามืดตามัว เหงื่อกาฬโทรมไปทั่วทั้งสรรพางค์กายได้ที่แล้วนั้น ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องรีบกลับกรุงเทพกันให้ทันก่อนจะมืดค่ำ ใช้เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิตย์แล้วมุ่งหน้าออกสุขุมวิท ใช้เส้นทางเดิมกับขามานั่นเองแวะกินข้าวกลางวันกันแป๊บนึง แวะเข้าห้องน้ำครั้งนึง แวะซื้อกาแฟอีกที (ขยันแวะจังเลยแฮะตรู)

แ ล้ ว ก็ ตรงยาวๆ ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ  4 โมงเย็นพาคุณอาไปจ่ายค่าโทรศัพท์ของออฟฟิศที่คาร์ฟูร์ อุ๊ย..ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าบิ๊กซี เอ๊กตร้า สุขาภิบาล 3 ถึงจะถูก อยู่แถวๆ บ้านพอดี ก็เลยถือโอกาสเอามุมซองของขนมขบเคี้ยวที่น้องเอแคลร์ตัดเก็บไว้ไปแลกไอศครีมโคนของ KFC กินกันฟรีๆ 3 อัน ยังเหลือแลกได้อีก 3 อันเดี๋ยวเอาไปใช้ทริปหน้าที่จะไปเที่ยวเมืองกาญจน์ในปลายเดือนหน้าก็แล้วกัน

สุ ด ท้ า ย พวกเราก็เดินทางกลับถึงบ้านโดยปลอดภัยกันทุกคน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมจนจบครบถ้วนทั้ง 3  ตอน ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืนที่ได้ไปพักผ่อนที่เมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่นครั้งนี้ ก็ยังคงประทับใจกับทะเลใส หาดสวย บรรยากาศดี น้ำใจไมตรีของคนจันทบุรี ที่มีให้คนเดินทางเฉกเช่นพวกเราอย่างมากมาย หากใครยังไม่เคยไปเยี่ยมเยือน ลองไปสัมผัสสักครั้งแล้วคุณจะประทับใจเช่นเดียวกับพวกเราเหมือนกัน

ช ม ภ า พ เพิ่มเติมได้ที่
https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5864694403574197473

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ.2554 เวลา 23:38 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

เที่ยวเมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่น - วันที่สอง

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

Summary

On Trip : FRI.16 – SUN.18 SEPTEMBER,2011
Interval : 3 Days 2 Nights
Location : Smile Beach Boutique Resort
GPS : N12.557663, E101.914587
Distance : approx. 220 KM.

ตื่ น ม า ตอนเช้าวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 ประมาณ 7 โมงครึ่ง น้องเอแคลร์ตื่นขึ้นมาเปิดแลปท็อปนั่งเล่นเกมในการ์ตูนเน็ตเวิร์คอยู่ ป๊ะป๋าลุกไปเข้าห้องน้ำปิดแอร์ เปิดประตูให้อากาศถ่ายเท แล้วเดินออกไปสูดอากาศดีๆ ตอนเช้าข้างหน้าห้อง น้องๆ พนักงานก็เดินเข้ามาถามทันทีว่าจะทานอาหารเช้าเลยหรือเปล่า ก็เลยบอกว่าซักครู่นึง รอคุณย่ากับคุณอาที่อยู่ห้องติดกันก่อน

ถ้ า อย่างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามมาดูห้องพักของสมาย บีชที่เรานอนกันเมื่อคืนนี้ไปพลางๆ ก่อน ถ่ายรูปไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึง แต่ยังไม่ได้เอารูปลงในตอนแรก เลยเอามาลงตอนที่สองนี้แล้วกัน เหมือนจะเป็นกระท่อมแฝดติดกันสองหลัง เรียงกันเป็นแนวยาวลงไปสู่ริมหาด มีห้องพักอยู่ทั้งสองด้าน ทั้งยังมีชั้นบนอีกด้วย เสียดายที่ลืมขึ้นไปเก็บภาพวิวทะเลจากชั้นบน เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่เนอะ

 

 

พ ร้ อ ม หน้าพร้อมตากันแล้วก็เดินไปกินอาหารเช้ากัน ส่วนที่นั่งกินอาหารเช้าจะอยู่ริมทะเลเลย กินไปมองทะเลไป ลมทะเลพัดเย็นสบายสดชื่นมากๆ เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง แต่อาหารเช้าเป็นแบบ American Breakfast นี่สิ แฮม ไข่ดาว ขนมปัง เนย แยม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ แม้จะมีข้าวต้มกุ้งมาให้ด้วยก็เถอะ ก็ยังกินได้ไม่สะใจเลย แต่ก็เหมาะสมตามแบบฉบับของ ABF นั่นแหละ (เอาน่า..อย่าตามใจปาก โลภมากเดี๋ยวอ้วน..ง่า..ไม่ทันแล้วมั๊งคุ๊ณณณ 555+)

วั น นี้ เดี๋ยวเรามีโปรแกรมออกไปเที่ยวชมเมือง ตามจุดสนใจต่างๆ ที่เตรียมข้อมูลมา จัดการคีย์พิกัดใส่ไว้ใน GPS เรียบร้อยตั้งแต่คราวที่คุณอามาเที่ยวอัล เมดิน่าครั้งก่อนแล้ว คราวนี้ก็กดอย่างเดียวแล้วปล่อยเจ้า GPS นำทางไป จุดแรกที่ไปแวะก็คือจุดชมวิวปากน้ำแขมหนู เข้าไปจอดรถได้บริเวณใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติ ออกไปเดินเก็บภาพมานิดหน่อย ไม่ไหวแดดแรงเหลือเกิน ซักพักพอจะออกเดินทางฟ้ากลับครึ้มซะหยั่งงั้น

 

จุ ด ต่ อ ไ ป แวะเข้าไปดู “ตึกแดง” ไปดูผนังตึกแดงที่สีหลุดลอกเป็นภาพคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงของเรา ไปพบกับลุงคนนึงเป็นคนดูแลตึกแดงนี้อยู่ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวประวัติอันยาวนานของตึกแดงแห่งนี้ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ จนได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน และคุณลุงได้ฝากให้ผู้มีอำนาจในทุกภาคส่วน ช่วยเข้ามาบูรณะซ่อมแซมให้ตึกแดงจะได้ยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป

 

 
สีลอกที่ผนังตึกแดงดูคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง..

 

 

 

อ อ ก จ า ก ตึกแดง ก็ไปแวะชม “คุกขี้ไก่” ที่อยู่ใกล้ๆ กันอีกซักหน่อย แล้วก็ขับตรงยาวๆ เข้าสู่ตัวเมืองจันทบุรีเพื่อเข้าไปชมโบสถ์คริสต์เมืองจันทบุรีหรือชื่อเต็มว่า “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ขับตาม GPS พาเข้าเมืองผ่านตลาด ไปเจอวันเวย์เลี้ยวไปตามที่ GPS บอกไม่ได้ต้องวนออกมาเริ่มต้นที่ถนนหลักด้านนอกอีกครั้งแล้วเข้าโบสถ์นี้อีกทางนึงถึงจะเข้าได้ สงสัยต้องรีบอัพเดทแผนที่ใน GPS ใหม่บ้างแล้ว ตั้งแต่ซื้อมายังไม่ได้อัพเดทเลย ถนนหนทางก็มีเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วล่ะมั๊ง พอหาทางเข้าเจอก็รีบขับเข้าไป สามารถไปจอดรถได้ที่บริเวณโรงเรียนได้เลย โบสถ์ใหญ่มากตามประวัติว่าเอาไว้ว่าเก่าแก่และมีอายุมากกว่า 100 ปีเลยนะ ยิ่งใหญ่ตระการตามากมาย แต่ฟ้ามืดครึ้มมีแดดบ้างเล็กน้อย ฟ้าเน่าแบบนี้เก็บภาพได้นิดหน่อยก็พอแล้วล่ะ เข้าไปถ่ายข้างในดีกว่า มีวิทยากรกำลังบรรยายประวัติความเป็นมาของโบสถ์และชุมชนนี้ให้กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจากกรุงเทพฯ อยู่ เลยได้อาศัยฟังเก็บความรู้ไปกับเค้าด้วย

 

 

อ อ ก จากโบสถ์ก็บ่าย 2 โมงแล้ว ทั้งเด็กทั้งหนุ่มสาวทั้งคนแก่เริ่มกระจองอแงเพราะหิวข้าวกันแล้ว มื้อกลางวันยังไม่ได้กินกันเลย เลยตั้งใจจะกลับไปกินกันแถวๆ หาดเจ้าหลาวใกล้ที่พักนั่นแหละ แต่วิ่งออกมาก็ผ่านศาลหลักเมืองและศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าค่ายตากสิน กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน เลยได้แวะนมัสการไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเพื่อเป็นสิริมงคล ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองให้เดินทางราบรื่นปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดทาง เพื่อความอุ่นใจทำไว้ก็ไม่เสียหายนะ

 

จ า ก นั้ น ก็ได้เวลาบึ่งรถกลับสู่หาดเจ้าหลาว แวะ 7-11 ซื้อเสบียงสำหรับคืนนี้สักเล็กน้อย แล้วก็ตรงดิ่งเป้าหมายเดียวเลยไม่แวะที่ไหนอีกแล้วจนกว่าจะถึง “ร้านยายตุ๊” น้องที่รีสอร์ทแนะนำมาอีกที ไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงยังไม่มีคนเท่าไหร่ มีแค่โต๊ะเรากับอีก 3-4 โต๊ะแค่นั้น ก็แน่ล่ะมื้อกลางวันก็ไม่ใช่ มื้อเย็นก็ยังไม่ถึง สั่งอาหารไป 7 อย่าง ด้วยความอร่อยเลยสั่งเพิ่มอีก 2 จาน รวมน้ำกับน้ำแข็งแล้วไม่ถึง 800 บาท เรียกได้ว่าไม่แพงเลย มิน่าคนพื้นที่เค้าถึงมากินกันที่นี่ เห็นมีแต่รถทะเบียนจันทบุรี, ระยองทั้งนั้นมาจอดกิน แสดงว่าเรามาถูกที่แล้ว อาหารออกเร็วมาก ทำให้กินกันอิ่มจนเรียกได้ว่าแน่นๆ เพราะอาหารอร่อย สด แล้วก็แต่ละจานไม่ใช่น้อยๆ เลย

 

 

 

ไ ด้ เ ว ล า กลับไปพักผ่อนกันแล้ว วันนี้ง่วงมากขอนอนก่อน หลับกันทั้งพ่อลูก ป๊ะป๋าตื่นมาทำรูปแล้วอัพขึ้นไปเก็บไว้บนเฟซบุ๊คเหมือนเดิม แล้วรีบก็เข้านอนต่อโดยพลัน เพราะพรุ่งนี้จะได้เวลากลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ ต้องขับรถยาวๆ กันอีกรอบ

รับชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ ..
https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5864694403574197473

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ.2554 เวลา 22:58 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass