เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 มี.ค.2553) ไปซื้อ Ext.DVD ยี่ห้อ MSI มาลองใช้ดู .. เห็นรูปร่างมันบาง สวยแบบเรียบๆ ดูขรึมๆ มาดดี สมกับวัยของ user อย่างผมเป็นอย่างดี เลยเอามาลองปรากฎว่าใช้ไม่ได้กับเครื่องที่มีอยู่ .. ประมาณว่าอ่านได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มองเห็นไดร์ฟบ้าง ไม่เห็นบ้าง .. ดูเหมือนปัญหาจะเกิดจากไฟไม่พอ .. เลยใช้กับ LAPTOP ที่ใช้อยู่ไม่ได้ จริงๆ แล้วตั้งใจจะเอามาใช้กับเครื่อง Desktop แหละ แต่ซื้อแล้วก็เลยน่าจะเอามาใช้ให้เป็นแบบ Portable ไปด้วยเลย .. แต่สงสัยว่าบุญพี่มีแต่คงไม่ถึง น้อง MSI จึงไม่เลือกที่จะมาอยู่กับพี่ เลยต้องรีบแจ้นเอาไปเปลี่ยนโดยพลัน ..
และในวันถัดมานั่นเอง (27 มี.ค.2553) .. นึกว่าจะเป็นแค่ defect ก็เลยว่าจะเปลี่ยนตัวใหม่ ที่ร้านก็เหลือตัวเดียวอีกคือตัวที่ซื้อไปนั่นแหละ เลยไม่รู้จะเปลี่ยนเอาตัวไหนมาแทนดี ร้านเลยมีข้อเสนอให้ 2 ทางเลือก คือรอวันจันทร์ของเข้ามาแล้วเอามาเปลี่ยน หรือไม่ก็คืนเงินให้เต็มจำนวน .. อืมมม ระหว่างตัดสินใจอยู่นั้น ก็พลันเหลือบไปเห็นน้อง WD โบกมือเรียกไหวๆ อยู่ในตู้โชว์ ทรวดทรงองค์เอวมันช่างก่อให้เกิดอารมณ์กระสันต์อยากได้เธอมาไว้ในครอบครองเป็นอย่างยิ่ง และแล้วก็อดใจไม่ไหว ต้องพ่ายแพ้กับสายตาเว้าวอน น้องเค้าเปลี่ยนชุดออกมาโชว์ตัวกันทั้ง 3 สีเลย ทั้งฟ้า ขาว ดำ .. แล้วก็ตัดสินใจเลือกน้อง Blue กลับบ้านมา พร้อมทั้งจ่ายค่าตัวของน้องเค้าไปรวมแล้ว 3,390 บาท (MSI DVD 1,890 + จ่ายเพิ่ม1,500) งานนี้บัตร KTC เจ็บตัวอีกแล้ว .. ฮ่าฮ่าฮ่า ..
มาดูหน้าตา รูปร่างของน้องเค้ากันครับ .. WD My Passport 500GB ..
ดูอีกที .. มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน .. ซองหนังนั่นร้านเค้าแถมมานะคร๊าบบบ .. ไม่เกี่ยวกับ WD นะ ..
ด้านหน้า และ ด้านหลัง .. สวย แล้วยังหุ่นดีอีกต่างหาก .. ใครจะอดใจไหวเนอะ ..
ผมว่าการเก็บรักษาข้อมูลสำคัญเอาไว้ใน Media Storage แบบนี้ เทียบราคาต่อหน่วยของข้อมูลที่เก็บนั้น ถือได้ว่าถูกมากๆ ตกประมาณ 6 บาทกว่าต่อ 1 GB ถูกกว่าแผ่น CD ซะอีก อีกทั้งยังมีระบบ Security ของข้อมูลในไดร์ฟ และยังมี Utility สำหรับการ Backup และ Retrieve ข้อมูลเพื่อรักษาข้อมูลสำคัญในเครื่องเก็บไว้บนไดร์ฟอีกด้วย ซึ่ง Feather ทั้งหมดที่ว่ามานั้น คิดว่าน่าจะมีบนผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันนี้ทุกแบรนด์อยู่แล้ว (อ้าววว .. แล้วจะมาโม้มายมายว๊า ..)
ก่อนเข้าใช้งานไดร์ฟ .. ต้องคีย์ password ก่อน .. ใครคิดจะมามั่วเข้าไปล้วงความลับ .. หมดสิทธิ์ ..
หลังจากผ่านเข้ามาสู่แท็บ Home ของโปรแกรม WD Smart Ware ได้แล้ว ก็จะแสดงข้อมูลไดร์ฟในเครื่องและไดร์ฟของเรา พร้อมทั้งแสดงขนาดพื้นที่ที่เหลืออยู่ในแต่ละไดร์ฟด้วย อีกทั้งแสดงเวอร์ชั่นของ Software ที่ใช้อยู่ รวมถึงสามารถอัพเดทเวอร์ชั่นล่าสุดได้ทันทีที่หน้านี้ด้วย
นี่เป็นแท็บ Backup จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลชนิดต่างๆ ที่เราได้ทำการ backup เอาไว้ ทั้งจำนวนไฟล์และขนาดของข้อมูล โดยเก็บไว้บนไดร์ฟแยกจากข้อมูลทั่วไป
อันนี้แท็บ Retrieve เป็นการเรียกคืนข้อมูลจากไดร์ฟ กลับเข้าสู่ตัวเครื่องคอมฯ ของเรา โดยเลือกได้ว่าจะเอาไปไว้ที่เดิม หรือกำหนด path ไปไว้ยัง folder ที่เราต้องการก็ได้ .. แหมมม .. สะดวกดีจริงๆ ..
สุดท้าย .. แท็บ Setting เอาไว้ติดตั้งไดร์ฟ และติดตั้ง Software WD Smart Ware .. ในการติดตั้งจะสร้างไดร์ฟ CD แบบ Virtual ขึ้นมาเพื่อใช้ในการรัน Software Utility พื้นฐานของไดร์ฟ เพื่อใช้ในการติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ ต่อไป
โปรแกรม WD Smart Ware จะถูกเรียกเข้ามาสู่หน่วยความจำตั้งแต่เริ่ม boot วินโดว์เลย และจะคอยตรวจเช็คสถานะของไดร์ฟตลอดเวลาที่ connect อยู่ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลต่างๆ ทันทีที่ชี้ mouse ไปบน icon ของโปรแกรม
ทุกครั้งที่จะ remove ไดร์ฟออกจากระบบ จะต้องทำที่นี่ เพราะเคยสั่ง remove จากวินโดว์แล้ว แต่จะไม่สามารถทำได้เพราะระบบจะแจ้งว่ามี Sofeware ใช้งานไดร์ฟอยู่ ต้อง remove ที่ icon ของโปรแกรม .. ก็ดีเพราะจะเป็นการปลอดภัยทั้ง Hardware และระบบ Security ของ Software ด้วย
เอาเป็นว่า มาเล่าสู่กันฟังพอหอมปากหอมคอ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังสนใจน้องเค้าอยู่ เพราะอันนี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง ไม่มีเอนเอียงไปค่ายไหนทั้งนั้น เพราะผมเป็น User ที่เสียเงินซื้อมาใช้ ไม่ได้มีสปอนเซอร์ที่ไหนมาแจกให้ใช้ฟรีๆ จนต้องไปเขียนเชียร์สินค้าของเค้า
สำหรับผมแล้วนั้นมีความจำเป็นต้องเก็บไฟล์ขนาดใหญ่มากๆ เช่น รูปถ่ายคุณภาพสูงจากกล้อง DSLR ที่มีจำนวนมหาศาล และยังมีไฟล์วีดีโอระดับ DVD และ HD ซึงรับประทานพื้นที่บน HDD มหาศาลแบบไม่เกรงใจใคร อีกทั้งยังมีไฟล์ WAV และ MP3 อีกจำนวนมากที่ใช้ในการทำงานในทุกวัน สื่อบันทึกข้อมูลชนิดนี้ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีและคุ้มค่าที่สุดสำหรับตอบโจทย์ที่กล่าวมานี้แล้วได้อย่างตรงประเด็นเลยทีเดียว
เขียนเมื่อ : วันพุธ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2553 เวลา 00:20 น. GMT+7 ประเทศไทย
ผู้เขียน : Tombass