วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวเมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่น - วันเดินทางกลับ

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

Summary

On Trip : FRI.16 – SUN.18 SEPTEMBER,2011
Interval : 3 Days 2 Nights
Location : Smile Beach Boutique Resort
GPS : N12.557663, E101.914587
Distance : approx. 220 KM.

ตื่ น ม า แต่เช้าอีกแล้ว นอนเร็วก็ตื่นเร็ว อากาศยามเช้านี่มันสดชื่นจริงๆ เปิดประตูกระท่อมน้อยคอยรับโอโซนจากทะเลซักหน่อย น้องเอแคลร์ตื่นแต่เช้าจนชินแล้วเพราะรถโรงเรียนมารับตั้งแต่ 6 โมงครึ่งเลยต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน มาเที่ยวก็เลยพลอยตื่นเช้าไปด้วย มาพักที่สมาย บีช บูติค รีสอร์ทมา 2 คืนแล้ว ยังไม่ได้พาเข้าไปชมภาพในกระท่อมน้อยของเราที่ใช้เป็นที่หลับนอนพักผ่อนในวันที่ผ่านมาเลยซักที ถ้างั้นก่อนกลับ..วันนี้ก็เอาซักหน่อยก็แล้วกันนะ

  
นายแบบส่วนตัว (ที่ไปเที่ยวหลายๆ ที่ก็เพราะคนนี้คนเดียวเลย) / หน้าห้อง..แต่ไม่มีรองเท้านะ 555+

   
มองจากระเบียงหน้าห้องจะเห็นสวนหย่อม / มองทางซ้ายก็เป็นทางเดินลงไปสู่ชายหาด หรือจะเดินไปกินอาหารเช้ากันก็ทางนี้แหละ

  
ที่ชายหาดมีอนุสาวรีย์ช้างชูงวงด้วย แล้วอีกทั้งยังแอบพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์พิสัยไกลที่เอาไว้ถล่มชาติมหาอำนาจ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนสนามหญ้าของรีสอร์ทอีกด้วย 555+

 
อันนี้เป็นกระท่อมข้างๆ แอบส่องแล้วไม่มีใครพัก..อิอิ..

เ รี ย น เ ชิ ญ เข้าไปชมด้านในกระท่อมของเรากันบ้างนะ

 
เลื่อนประตูกระจกเปิดเข้ามา มองซ้ายก็จะพบกับเตียงนอน 2 เตียง แต่ผมเลื่อนมันมาติดกันซะ กว้างขวางมโหฬารนอนกัน 2 คนพ่อลูกยังเหลือพื้นที่อีกเพียบ

   
มองตรงไปก็จะพบกับประตูทางออกสู่ระเบียงหลังกระท่อม โผล่หน้าออกไปดูก็พบระเบียงยาวๆ และราวตากผ้า มองกลับมาก็เห็นห้องข้างๆ และรีสอร์ทข้างๆ นั่นเอง

 

เมื่อเราเดินจากนอกระเบียงหลังกระท่อมกลับเข้ามาในห้อง ด้านซ้ายมือจะมีตู้ใส่เสื้อผ้าหน้าตาวินเทจมาก โต๊ะเล็กวางกระจกแบบพับได้อยู่ด้านบน พร้อมเก้าอี้ไม้ทรงกลมเข้าชุดกัน ใต้กระจกมีลิ้นชักเล็กๆ เอาไว้เก็บของกระจุกกระจิกเล็กไ น้อยๆ ลวดลายออกไปเป็นแนวๆ ทวิภพอะไรประมาณนั้น อะไรจะวินเทจกันซะขนาดนั้น เดี๋ยวก็ได้มีใครหายเข้าไปในกระจกกันบ้างแหละ(ฮา) ถัดมาเป็นตู้เย็นหร้อมมินิบาร์ในตู้ พร้อมแจ้งราคาไว้เสร็จสรรพ ถ้าจะหยิบกันนี่ต้องชะงักคิดแล้วคิดอีกเลย โดยตู้เย็รจะอยู่ในชั้นวางทีวีทรงสูง(มาก)อีกที คราวนี้ทีวีเลยอยู่สูงปรี๊ดเข้าไปอีก กล่องเปลี่ยนช่องทีวีดาวเทียมยิ่งอยู่สูงเข้าไปใหญ่ เวลานอนดูทีวีอยู่ ถ้าจะเปลี่ยนช่องแต่ละที ก็ต้องยืดแขนยืดตัวกันสุดๆ แต่มีทีวีให้ดูเยอะแยะมากมายก่ายกองถึง 253 ช่อง ป๊ะป๋าก็ยังอุตส่าห์กดดูจนครบทุกช่องเหมือนกัน 555+ แล้วเลยมาก็มีโต๊ะรับแขกเล็กๆ พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ผลิตภัณฑ์จากไม้อีกเช่นกัน คาดว่าการตกแต่งของที่แน่น่าจะเน้นแนวๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะดูจากเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ล้วนๆ

เ ดี๋ ย ว พาไปดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า ขาดไม่ได้เพราะเป็นห้องที่ให้ความสุขสุดยอดกับทุกคน หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง?

  
ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือหน้าทางออกสู่ระเบียงหลังบ้าน ประตูเป็นไม้ติดกระจกสี เปิดเข้าไปเจอนี่ก่อนเลย อ่างล้างหน้าและกระจกเงาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน

  
สุขภัณฑ์แบบชักโครกพร้อมสายฉีดน้ำชำระ นั่งไปดูหน้าตัวเองในกระจกไปสุขใจพิลึกเนอะ / ส่วนอันนี้บันไดไม้ไผ่เอาไว้ปีนไปเปลี่ยนหลอดไฟ..เฮ้ย..ไม่ใช่ เค้าให้เอาไว้แขวนผ้าเช็ดตัว แน่ะ..มีกระจกฝ้าด้วย จุ๊กกรู๊ วู๊ๆๆๆ วี๊ดวิ๊ว..

 
รีสอร์ทนี้ friendly สูงมาก เวลานอนถ้าเปิดม่านหน้ากระท่อมไว้นะ รับรองเห็นหมดไม่ว่าจะน้ำลายไหลยืดหรือนอนท่าประหลาดแค่ไหน !!! เพราะเราอยากให้คุณรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ใครเดินผ่านไปมาสามารถมองเข้ามาพบเจอกันทักทายกันได้ทุกเวลา .. ฮา ฮ่า ฮ้า .. ล้อเล่นน๊า .. ใครจะบ้านอนเปิดม่านให้ดูกันล่ะ ทำอะไรก็เห็นหมดอ่ะดิ .. วู้ววว..

พ อ แ ร ะ ..รีบออกจากห้องไปกินอาหารเช้าดีกว่า ชักจะเริ่มติดเรท PG (Parental Guidance Suggested) แล้วเนี่ยะ เดี๋ยวจะต้องรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพราะมันเป็นเวลาที่เราจะต้องกลับสู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรกันแล้ว ลองไปดูวิวหาดทรายบริเวณแคนทีนที่กินอาหารเช้ากัน

 

 
นั่งมองจากแคนทีนก็จะเห็นชายหาดเต็มตาแบบนี้แหละ เลยอดใจไม่ไหวของเชิญนายแบบกิตติมศักดิ์ออกไปเก็บภาพซักหน่อย ได้ภาพรองเท้าของเค้ามาด้วยแฮะ ริมหาดที่ชิงช้าให้นั่งเล่นเพลินๆ ด้วย

อิ่ ม ท้ อ ง กันด้วย ABF เช่นเดิมก็กลับมาเก็บกระเป๋า สัมภาระ สัมภารกสารพัดสารพัน ขามาก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ขากลับทำไมมันเยอะขึ้นล่ะ ถึงเวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ 11 โมงเช้าออกไปเช็คเอาท์ได้เวลาโบกมือลา สมาย บีช บูติค รีสอร์ทกันแล้ว ออกจากรีสอร์ทได้มุ่งหน้าตรงไปร้านยายตุ๊อีกรอบ สั่งอาหารอีกชุดใหญ่กลับไปฝากคุณปู่คุณลุงที่ไม่ได้มาด้วย เพราะต้องอยู่บ้านคอยเป็นทาสรับใช้ดอลล่าร์กับยูโรทั้งสองตัว ระหว่างทางขากลับมีโอกาสได้แวะเที่ยวจุดชมวิวอีก 2 แห่งที่อยู่ในเส้นทางผ่านพอดี ตามไปชมวิวกันครับ

 

ที่ หาดคุ้งวิมานจะมีจุดชมวิวอยู่ 2 แห่ง จุดแรกเราแวะกันที่ “จุดชมวิวพระยืน” ที่พระพุทธรูปยืนอยู่บนเขาหันหน้าออกสู่ทะเลมีศาลาที่พักเล็กๆ ไว้หลบแดดอันร้อนระอุ แต่ภาพอันงดงามของชายหาดคุ้งวิมานจากจุดชมวิวพระยืนก็คุ้มค่าที่ฝ่าเปลวแดดยามเที่ยงๆ เช่นนี้เพื่อขึ้นไปชื่นชม ภาพท้องทะเลสีครามและท้องฟ้าสีฟ้าสดสวยนั่นเหมาะที่จะบันทึกไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำเป็นแน่แท้

อ อ ก จ า ก จุดชมวิวพระยืน เราก็ไปต่อกันที่จุดชมวิว “เนินนางพญา” ต้องขับขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งขณธที่ไปนั้นถนนกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม (หรือว่าพังแล้วยังไม่ซ่อมก็ไม่รู้ !!!) ต้องค่อยๆ ขับขึ้นไป หากใครจะขึ้นไปก็โปรดใช้ความระมัดระวังให้มากๆ เพื่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของทุกท่านนะครับ

 
มาดูป้ายบอกทางขึ้นไป “จุดชมวิว” (Jood Chom View) … !?!?!?!? เค้าตั้งใจเขียนแบบนี้ใช่ไหมคร๊าบบบบ..แสดงว่าผมเข้าใจผิดมาตลอด..นึกว่าเค้าจะเรียกว่า View Point ซะอีกแฮะ

ก า ร ขับรถขึ้นไปชมจุดชมวิว “เนินนางพญา” เราต้องขับผ่านสวนสาธารณะที่สร้างใหม่บริเวณแนวกันคลื่นที่ถมด้วยหินก้อนใหญ่ยักษ์ ขึ้นไปสู่บนเนินสูงที่สามารถมองเห็นทะเลได้โดยรอบมากกว่า 180 องศา ทั้งฝั่งด้านแนวกันคลื่นด้านขวาและทางฝั่งซ้ายที่เป็นหน้าผาสูงและผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ไกลสุดตา พร้อมทั้งเกาะแก่งเรียงรายล้อมอยู่โดยรอบ ใครที่มาถึงชายหาดคุ้งวิมานแล้วไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

แ ล ะ หลังจากสองคนพ่อลูกเดินตากแดดเปรี้ยงๆ กันมาได้ซักพัก ชักเริ่มออกอาการหน้ามืดตามัว เหงื่อกาฬโทรมไปทั่วทั้งสรรพางค์กายได้ที่แล้วนั้น ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องรีบกลับกรุงเทพกันให้ทันก่อนจะมืดค่ำ ใช้เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิตย์แล้วมุ่งหน้าออกสุขุมวิท ใช้เส้นทางเดิมกับขามานั่นเองแวะกินข้าวกลางวันกันแป๊บนึง แวะเข้าห้องน้ำครั้งนึง แวะซื้อกาแฟอีกที (ขยันแวะจังเลยแฮะตรู)

แ ล้ ว ก็ ตรงยาวๆ ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ  4 โมงเย็นพาคุณอาไปจ่ายค่าโทรศัพท์ของออฟฟิศที่คาร์ฟูร์ อุ๊ย..ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าบิ๊กซี เอ๊กตร้า สุขาภิบาล 3 ถึงจะถูก อยู่แถวๆ บ้านพอดี ก็เลยถือโอกาสเอามุมซองของขนมขบเคี้ยวที่น้องเอแคลร์ตัดเก็บไว้ไปแลกไอศครีมโคนของ KFC กินกันฟรีๆ 3 อัน ยังเหลือแลกได้อีก 3 อันเดี๋ยวเอาไปใช้ทริปหน้าที่จะไปเที่ยวเมืองกาญจน์ในปลายเดือนหน้าก็แล้วกัน

สุ ด ท้ า ย พวกเราก็เดินทางกลับถึงบ้านโดยปลอดภัยกันทุกคน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมจนจบครบถ้วนทั้ง 3  ตอน ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืนที่ได้ไปพักผ่อนที่เมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่นครั้งนี้ ก็ยังคงประทับใจกับทะเลใส หาดสวย บรรยากาศดี น้ำใจไมตรีของคนจันทบุรี ที่มีให้คนเดินทางเฉกเช่นพวกเราอย่างมากมาย หากใครยังไม่เคยไปเยี่ยมเยือน ลองไปสัมผัสสักครั้งแล้วคุณจะประทับใจเช่นเดียวกับพวกเราเหมือนกัน

ช ม ภ า พ เพิ่มเติมได้ที่
https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5864694403574197473

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ.2554 เวลา 23:38 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

เที่ยวเมืองจันทน์..ในวันฟ้าหม่น - วันที่สอง

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

Summary

On Trip : FRI.16 – SUN.18 SEPTEMBER,2011
Interval : 3 Days 2 Nights
Location : Smile Beach Boutique Resort
GPS : N12.557663, E101.914587
Distance : approx. 220 KM.

ตื่ น ม า ตอนเช้าวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2554 ประมาณ 7 โมงครึ่ง น้องเอแคลร์ตื่นขึ้นมาเปิดแลปท็อปนั่งเล่นเกมในการ์ตูนเน็ตเวิร์คอยู่ ป๊ะป๋าลุกไปเข้าห้องน้ำปิดแอร์ เปิดประตูให้อากาศถ่ายเท แล้วเดินออกไปสูดอากาศดีๆ ตอนเช้าข้างหน้าห้อง น้องๆ พนักงานก็เดินเข้ามาถามทันทีว่าจะทานอาหารเช้าเลยหรือเปล่า ก็เลยบอกว่าซักครู่นึง รอคุณย่ากับคุณอาที่อยู่ห้องติดกันก่อน

ถ้ า อย่างนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามมาดูห้องพักของสมาย บีชที่เรานอนกันเมื่อคืนนี้ไปพลางๆ ก่อน ถ่ายรูปไว้ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึง แต่ยังไม่ได้เอารูปลงในตอนแรก เลยเอามาลงตอนที่สองนี้แล้วกัน เหมือนจะเป็นกระท่อมแฝดติดกันสองหลัง เรียงกันเป็นแนวยาวลงไปสู่ริมหาด มีห้องพักอยู่ทั้งสองด้าน ทั้งยังมีชั้นบนอีกด้วย เสียดายที่ลืมขึ้นไปเก็บภาพวิวทะเลจากชั้นบน เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่เนอะ

 

 

พ ร้ อ ม หน้าพร้อมตากันแล้วก็เดินไปกินอาหารเช้ากัน ส่วนที่นั่งกินอาหารเช้าจะอยู่ริมทะเลเลย กินไปมองทะเลไป ลมทะเลพัดเย็นสบายสดชื่นมากๆ เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง แต่อาหารเช้าเป็นแบบ American Breakfast นี่สิ แฮม ไข่ดาว ขนมปัง เนย แยม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ แม้จะมีข้าวต้มกุ้งมาให้ด้วยก็เถอะ ก็ยังกินได้ไม่สะใจเลย แต่ก็เหมาะสมตามแบบฉบับของ ABF นั่นแหละ (เอาน่า..อย่าตามใจปาก โลภมากเดี๋ยวอ้วน..ง่า..ไม่ทันแล้วมั๊งคุ๊ณณณ 555+)

วั น นี้ เดี๋ยวเรามีโปรแกรมออกไปเที่ยวชมเมือง ตามจุดสนใจต่างๆ ที่เตรียมข้อมูลมา จัดการคีย์พิกัดใส่ไว้ใน GPS เรียบร้อยตั้งแต่คราวที่คุณอามาเที่ยวอัล เมดิน่าครั้งก่อนแล้ว คราวนี้ก็กดอย่างเดียวแล้วปล่อยเจ้า GPS นำทางไป จุดแรกที่ไปแวะก็คือจุดชมวิวปากน้ำแขมหนู เข้าไปจอดรถได้บริเวณใต้สะพานเฉลิมพระเกียรติ ออกไปเดินเก็บภาพมานิดหน่อย ไม่ไหวแดดแรงเหลือเกิน ซักพักพอจะออกเดินทางฟ้ากลับครึ้มซะหยั่งงั้น

 

จุ ด ต่ อ ไ ป แวะเข้าไปดู “ตึกแดง” ไปดูผนังตึกแดงที่สีหลุดลอกเป็นภาพคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงของเรา ไปพบกับลุงคนนึงเป็นคนดูแลตึกแดงนี้อยู่ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวประวัติอันยาวนานของตึกแดงแห่งนี้ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ จนได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน และคุณลุงได้ฝากให้ผู้มีอำนาจในทุกภาคส่วน ช่วยเข้ามาบูรณะซ่อมแซมให้ตึกแดงจะได้ยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป

 

 
สีลอกที่ผนังตึกแดงดูคล้ายพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง..

 

 

 

อ อ ก จ า ก ตึกแดง ก็ไปแวะชม “คุกขี้ไก่” ที่อยู่ใกล้ๆ กันอีกซักหน่อย แล้วก็ขับตรงยาวๆ เข้าสู่ตัวเมืองจันทบุรีเพื่อเข้าไปชมโบสถ์คริสต์เมืองจันทบุรีหรือชื่อเต็มว่า “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ขับตาม GPS พาเข้าเมืองผ่านตลาด ไปเจอวันเวย์เลี้ยวไปตามที่ GPS บอกไม่ได้ต้องวนออกมาเริ่มต้นที่ถนนหลักด้านนอกอีกครั้งแล้วเข้าโบสถ์นี้อีกทางนึงถึงจะเข้าได้ สงสัยต้องรีบอัพเดทแผนที่ใน GPS ใหม่บ้างแล้ว ตั้งแต่ซื้อมายังไม่ได้อัพเดทเลย ถนนหนทางก็มีเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วล่ะมั๊ง พอหาทางเข้าเจอก็รีบขับเข้าไป สามารถไปจอดรถได้ที่บริเวณโรงเรียนได้เลย โบสถ์ใหญ่มากตามประวัติว่าเอาไว้ว่าเก่าแก่และมีอายุมากกว่า 100 ปีเลยนะ ยิ่งใหญ่ตระการตามากมาย แต่ฟ้ามืดครึ้มมีแดดบ้างเล็กน้อย ฟ้าเน่าแบบนี้เก็บภาพได้นิดหน่อยก็พอแล้วล่ะ เข้าไปถ่ายข้างในดีกว่า มีวิทยากรกำลังบรรยายประวัติความเป็นมาของโบสถ์และชุมชนนี้ให้กลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจากกรุงเทพฯ อยู่ เลยได้อาศัยฟังเก็บความรู้ไปกับเค้าด้วย

 

 

อ อ ก จากโบสถ์ก็บ่าย 2 โมงแล้ว ทั้งเด็กทั้งหนุ่มสาวทั้งคนแก่เริ่มกระจองอแงเพราะหิวข้าวกันแล้ว มื้อกลางวันยังไม่ได้กินกันเลย เลยตั้งใจจะกลับไปกินกันแถวๆ หาดเจ้าหลาวใกล้ที่พักนั่นแหละ แต่วิ่งออกมาก็ผ่านศาลหลักเมืองและศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าค่ายตากสิน กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ กองพลนาวิกโยธิน เลยได้แวะนมัสการไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเพื่อเป็นสิริมงคล ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองให้เดินทางราบรื่นปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดทาง เพื่อความอุ่นใจทำไว้ก็ไม่เสียหายนะ

 

จ า ก นั้ น ก็ได้เวลาบึ่งรถกลับสู่หาดเจ้าหลาว แวะ 7-11 ซื้อเสบียงสำหรับคืนนี้สักเล็กน้อย แล้วก็ตรงดิ่งเป้าหมายเดียวเลยไม่แวะที่ไหนอีกแล้วจนกว่าจะถึง “ร้านยายตุ๊” น้องที่รีสอร์ทแนะนำมาอีกที ไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงยังไม่มีคนเท่าไหร่ มีแค่โต๊ะเรากับอีก 3-4 โต๊ะแค่นั้น ก็แน่ล่ะมื้อกลางวันก็ไม่ใช่ มื้อเย็นก็ยังไม่ถึง สั่งอาหารไป 7 อย่าง ด้วยความอร่อยเลยสั่งเพิ่มอีก 2 จาน รวมน้ำกับน้ำแข็งแล้วไม่ถึง 800 บาท เรียกได้ว่าไม่แพงเลย มิน่าคนพื้นที่เค้าถึงมากินกันที่นี่ เห็นมีแต่รถทะเบียนจันทบุรี, ระยองทั้งนั้นมาจอดกิน แสดงว่าเรามาถูกที่แล้ว อาหารออกเร็วมาก ทำให้กินกันอิ่มจนเรียกได้ว่าแน่นๆ เพราะอาหารอร่อย สด แล้วก็แต่ละจานไม่ใช่น้อยๆ เลย

 

 

 

ไ ด้ เ ว ล า กลับไปพักผ่อนกันแล้ว วันนี้ง่วงมากขอนอนก่อน หลับกันทั้งพ่อลูก ป๊ะป๋าตื่นมาทำรูปแล้วอัพขึ้นไปเก็บไว้บนเฟซบุ๊คเหมือนเดิม แล้วรีบก็เข้านอนต่อโดยพลัน เพราะพรุ่งนี้จะได้เวลากลับกรุงเทพฯ กันแล้วนะ ต้องขับรถยาวๆ กันอีกรอบ

รับชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ ..
https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5864694403574197473

วันแรก - วันที่สอง - วันเดินทางกลับ

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ.2554 เวลา 22:58 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass