วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไม่ได้ไปถ่ายพลุกับเค้าหรอก ..

เมื่อวาน (วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2553) เป็นวันแห่งความสุขเป็นสิริมงคลของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน เพราะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทั่วโลก เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองจัดงานรื่นเริงเพื่อให้คนไทยทุกเพศทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะยากดีมีจนเพียงใดก็ร่วมฉลองช่วงแห่งความสุขนี้ได้อย่างเท่าเทียมทั่วถึงกัน

และก็เป็นประจำทุกปีที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันจัดพิธีจุดเทียนชัยเพื่อพ่อหลวงของเราที่สนามหลวง และพร้อมกันนั้นก็จะมีการประดับประดาเปิดไฟตลอดถนนราชดำเนิน เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลความสุขนี้ โดยจะมีพิธีใหญ่อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ธันวาคมด้วย ส่วนตลอดถนนราชดำเนินก็จะเปิดไฟให้ได้ชมกันทุกวันไปตลอดเดือนแห่งความสุขนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้ก็เลยมีคนมากหน่อยและมีการจุดพลุชุดใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองพิธีนี้อีกด้วย ใครๆ หลายๆ คนก็เลยเฝ้ารอวันนี้เพื่อที่จะได้ไปชมความสวยงามยิ่งใหญ่อลังการของการแสดงพลุในครั้งนี้และได้ไปเก็บภาพสวยๆ อีกด้วย

แต่สำหรับผมแล้ว ด้วยที่ช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยจะดี ก็เลยจำยอมนอนดูการถ่ายทอดสดพิธีการในครั้งนี้ผ่านทางจอโทรทัศน์แทน และในขณะที่ทานข้าวเย็นกันเป็นที่เรียบร้อยก็เลยออกไปล้างจานอยู่ พลันได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ลืมไปเสียสนิทว่าแถวบ้านเราก็มีการจัดงานและจุดพลุกับเค้าเหมือนกันนี้หว่า เลยรีบๆ ล้างจานให้เสร็จแล้วก็ขึ้นมาเรียกน้องเอแคลร์ออกไปดูพลุกันที่ระเบียงหน้าบ้าน คว้ากล้องได้ก็รีบออกไปสมทบกับน้องเอแคลร์และคุณอาที่ระเบียงโดยพลัน ก็ยังดีที่ได้ดูแม้ว่าจะเหลือไม่กี่ชุดแล้วก็ตาม ก็เลยเก็บภาพเท่าที่จะเก็บได้มาเพียงเท่านี้ เพราะตอนที่ออกไปตั้งกล้องนั้นก็มีอีก 4-5 ชุดก็หมดแล้ว ก็เลยได้ภาพมาแค่เนี๊ยะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ภาพเลยไม่ใช่เหรอ?

ด้วยความทีตำแหน่งที่จุดพลุนั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ แล้วก็ยังต้องเก็บภาพผ่านสายไฟหน้าปากซอย อีกทั้งยังต้องผ่านดวงไฟถนนอีกต่างหากก็เลยเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ ภาพรวมๆ ก็จะมีสายไฟ หลังคาบ้าน ต้นไม้ ฯลฯ ติดมาด้วยเลยตัดสินใจ Crop เพื่อที่จะให้เห็นพลุได้ชัดเจนขึ้น เอาล่ะน่า ยังพอดูได้นิ

การที่เราจะถ่ายพลุนั้น สิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือ “ขาตั้งกล้อง” นั่นเอง เพราะต้องใช้ Speed Shutter นานหลายๆ วินาที เพื่อที่จะเก็บพลุได้ทั้งดอก ไม่เช่นนั้นเอาจจะเหลือแค่ดวงไปพุ่งขึ้น หรือกลุ่มควันหลังจากพลุแตกแล้ว ไม่เห็นเป็นดอกเป็นดวง แล้วมันจะดูเป็นพลุยังไงหว่า? และควรปรับตั้งรูรับแสงให้แคบหน่อย, ไม่จำเป็นต้องเร่ง ISO ให้สูงนักเพราะเราใช้ขาตั้งกล้องอยู่แล้ว สุดท้ายอย่าลืมปิดระบบกันสั่นซะก่อนด้วย

ฉะนั้นการถ่ายด้วยโหมด M น่าจะสะดวกที่สุด เพราะเราจะ lock ค่าทุกอย่างไว้ได้ ส่วนเรื่องการ Focus ก็ตามถนัด แต่ผมว่ากรณีนี้ หมุนเอาเองน่าจะดีกว่าพอเข้าเป้าแล้วก็เรียบร้อยเพราะเราใช้ Aperture ค่อนข้างแคบอยู่แล้วคลาดเคลื่อนนิดหน่อยก็จะน่าจะยังคงอยู่ในระยะชัดได้ ไม่เช่นนั้นกล้องจะหา Focus ใหม่ทุกครั้งที่เรากดชัตเตอร์ อาจเสียโอกาสอันดีในการถ่ายได้ เท่านี้คุณก็จะได้ภาพถ่ายพลุแสนสวยของคุณแล้วล่ะ

ส่วนจะตั้ง Speed Shutter ซักกี่วินาทีก็ลองๆ เอาตอนที่ถ่ายเลยก็ได้ไม่ได้มีข้อจำกัด แต่โดยมากแล้วพลุลูกหนึ่งก็จะใช้เวลาประมาณ 4-8 วินาที อยู่ที่เราจะกดชัตเตอร์ที่จังหวะไหน นั่นหมายถึงเราอยากได้ภาพพลุแบบไหนด้วยนะ เช่นถ้ากดในจังหวะที่พลุกำลังพุ่งขึ้นก่อนจะแตกนิดหน่อยแล้วก็ผ่านไป 4-6 วินาทีพลุก็จะแตกเป็นดอกแล้ว ภาพที่ได้ก็จะได้พลุเป็นเส้นพุ่งขึ้นแล้วก็มีดอกออกมาเหมือนช่อดอกไม้

ถ้ากด Shutter ในจังหวะหลังจากนั้นก็จะได้แสงไฟเป็นเส้นเล็กๆ พุ่งกระจายออกจากจุดที่ระเบิดคล้ายภาพดอกทานตะวัน แต่อันนี้มันก็แล้วแต่ form การระเบิดของพลุแต่ละลูกอีกแหละ ถึงบอกว่ามันต้องไปปรับแต่งเอาตอนที่ถ่ายนั่นแหละจะให้ผลที่ตรงใจเราที่สุด และก็ถ่ายเสร็จแล้วอย่างเพิ่งรีบ Preview เอาไว้ดูหลังจากจบแต่ละชุด เพราะเดี๋ยวจะพลาดพลุลูกสวยๆ ที่กำลังยิงตามกันขึ้นมา

อ้าวงั้นทำไมไม่ตั้ง Speed Shutter ให้นานๆ ไปซะเลยล่ะ อันนี้มันแล้วแต่เทคนิคของช่างภาพแต่ละคนนะครับ เพราะเค้าอาจจะใช้กระดาษดำมาบังหน้ากล้องระหว่างช่วงเวลาที่ shutter ยังไม่ปิดแล้วแพนกล้องไปอีกทางเพื่อหวังผลพิเศษในภาพนั้นก็สามารถทำได้ แต่ที่ไม่เปิดให้นานมากเพราะจะมีผลทำให้ฟ้ากลางคืนที่ควรจะเป็นสีดำจะไม่ดำสนิทนะสิครับ เพราะกล้องจะเก็บเอาแสงจากสภาพแวดล้อมโดยรอบข้างเข้ามาในภาพด้วย ทำให้พลุของเราอาจจะไม่สวยโดดเด่นก็เป็นได้ อันนี้ต้องระวังเอาไว้ซักนิดนึง แต่หากใครต้องการแสงอื่นๆ เพื่อบ่งบอกถึงสถานที่ที่ไปถ่ายก็ย่อมทำได้ ไม่ได้เป็นข้อจำกัดหรือข้อห้ามหรอกครับ มันต้องดูความเหมาะสมและสิ่งที่เราต้องการสื่อในภาพนั้นๆ

ว่าจะเขียนนิดเดียวแหละ แต่เหตุไฉนมันถึงได้เขียนยาวอีกแล้ว แต่ยังไงก็ต้องขอแสดงความขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์แวะเข้ามาเยี่ยมบ้านของผมนะครับ

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2553 เวลา 16:24 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

PIC : 28 NOV.-5 DEC.,2010

Heraldic Lion

Brave Symbol
ภาพจาก : ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัดที่สุพรรณบุรี
Author : Tombass
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2553
สถานที่ : สุพรรณบุรี

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Sport Rider ซ่อมเสร็จแล้วจ้า ..

เมื่อวาน (อังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2553) ช่างหนูโทรมาบอกว่า Sport Rider ซ่อมเสร็จแล้ว เข้าไปเอารถได้ เลยออกไปเอารถที่อู่ ถือโอกาสติดตั้งเสาอากาศวิทยุซะด้วยเลยที่ร้านข้างๆ อู่นั่นแหละ ได้เสาอากาศของ Bosch มาแลกกับเงินสด 1,200 บาท รับชัดเจนดีได้ฟังบอลแล้ว แต่แบตเตอรี่ไม่มีไฟ เลยต้องเปลี่ยนเอาลูกอื่นมาใส่ใช้ไปก่อน เดี๋ยวช่างหนูเอาไปอัดไฟให้แล้วค่อยไปเปลี่ยนกลับ

และแล้ว Sport Rider ก็กลับบ้านซักที ก็เลยเอาภาพหลังจากออกจากอู่มาฝากกัน

เอาล่ะ ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงแค่รอให้ประกันอลิอันซ์ ซีพี โอนเงินเข้าธนาคารมาให้ แล้วก็ไปกดเงินมาจ่ายให้ช่างหนู และก็เปลี่ยนเอาแบตเตอรี่ที่ช่างหนูเอาไปอัดไฟให้มาใส่คืน เอ่อ .. แต่เดี๋ยว .. คงต้องเอาเครื่องเสียงไปให้ช่างดูซักหน่อย ดูเหมือนจะตัดสายไฟของทีวีออกไปด้วย ต้องเอาไปให้แก้ไขให้เรียบร้อย

ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เจ้า Sport Rider เราคงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกนานเนอะ

 

เขียนเมื่อ : วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 เวลา 02:12 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

PIC : 22-28 NOV.,2010

Minibar

Minister of happiness

 

ภาพจาก : ไปเที่ยวหัวหินกับเอแคลร์มาแหละ ..
Author : Tombass
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2553
สถานที่ : The Sea-Cret, Hua-hin

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

PIC : 15-21 NOV.,2010

Electric Lantern

Old & New Blending ..

ภาพจาก : ทริปนี้ .. ไปเมืองกาญจน์ครับ Author : นายเมษา เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2553 สถานที่ : มนต์เสน่ห์ริเวอร์แคว จ.กาญจนบุรี เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 เวลา 00:34 น. GMT+7 THAILAND ผู้เขียน : นายเมษา

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โชคร้ายจริงๆ .. ขับอยู่ดีๆ ก็มีคนเมาขับมาชน ..

หลังจากกลับมาจากเมืองกาญจน์ อาการท้องเสียก็ยังไม่หายและดูเหมือนว่าอาการจะกำเริบมากขึ้นอีกด้วย เจ้ายาธาตุน้ำขาวที่กินอยู่สงสัยจะสู้ไม่ไหวและที่สำคัญบังเอิญมันหมดเสียแล้วตั้งแต่อยู่ที่ทำงาน ขากลับบ้านคงต้องแวะซื้อเพิ่มเสียหน่อย ก็เลยขับเลยไปเข้า 7-11 ที่ซอยหลังบ้าน ยืนปรึกษากับเภสัชกรอยู่พักนึงเรื่องยาฆ่าเชื้อในลำไส้ แต่ก็แนะนำมาเป็นยาเคลือบกระเพาะ .. งงๆ อยู่เหมือนกัน ก็เลยซื้อแต่ยาธาตุน้ำขาวที่เคยกินอย่างเดียว เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นจะไปหาหมอเสียหน่อยดีกว่า

ซื้อยาเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถกลับบ้าน มาตามถนนในซอยก็เห็นรถคันหนึ่งขับตามหลังมาเร็วมากยังมาขับจี้ท้ายรถเราอีก ยังคิดอยู่ว่า (เมิง)จะรีบไป(ตายห่_)ที่ไหนกัน (ว๊ะ)? ถนนเป็นซอยใหญ่ของหมู่บ้านแต่ก็ไม่ใช่ถนนใหญ่ ถึงแยกออกถนนใหญ่ เลี้ยวขวาออกมาไม่เร็วหรอกเพราะบ้านอยู่ถัดจากแยกไป 2 ซอยแค่นั้นเองก็เลยมาช้าๆ เปิดไปเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาเข้าซอย จังหวะกำลังเคลื่อนตัวเลี้ยวเข้าซอย ยังไม่ทันจะเข้าซอยบ้านก็ … โครมมมม .. เพล้ง .. กรอบแกรบๆ .. ซัดท้ายรถเราซะอย่างงั้น เป็นถนนสี่ช่องทางสวนกัน ข้างละสองช่องทางแท้ๆ เพิ่งเลี้ยวขวาออกจากแยกมาเหมือนกันก็ยังจะขับเร่งซะเร็วอีก

เลยพารถเราเข้าซอยไปจอดไว้ปากซอย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำสองแล้วก็ลงมา คู่กรณีจอดอยู่อีกฝั่งถนน บังโคลนหน้ายุบประตูฝั่งคนขับเปิดไม่ได้ต้องลงอีกฝั่งนึง ลงมาเดินเมาอ้อแอ้มาเลย ให้โทรเรียกประกันดันโทรไปบอกเพื่อน ขอใบขับขี่ก็มาบอกว่า ไม่ต้องมาพูดกับผมเลยเรื่องขอหลักฐาน อ้าว .. เฮ้ยยย .. จะเอายังไงกับเค้าดีล่ะเนี่ย โทรบอกตำรวจก่อนดีกว่า 191 เลยครับท่าน พอบอกให้ไปเอาหลักฐานอะไรมาเตรียมไว้ก็ไปหาอันโน้นแต่ได้อันนี้ ต้องเอาเบอร์มาโทรหาประกันของ(เค้า)ให้ ช่วยกันโทรกันไป ยังมีหน้ามาบอกว่าขับมาตั้ง 20 ปีเพิ่งมาชนครั้งนี้ ไม่อยากให้ชนหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ ช่วยไม่ได้จริงๆ เฮ้อ .. เบื่อข้ออ้างแบบเข้าข้างตัวเองแบบนี้จริงๆ ถ้าคุณไม่เมา ขับด้วยความระมัดระวัง มีสติทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย ขับช้าลงสักนิด ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีน้อยลง จะได้ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่ใช้ถนนคนอื่น

ยังดีที่เป็นรถใหญ่เหมือนกัน ถ้าไปชนมอเตอร์ไซค์เข้าล่ะ แล้วคนขับหรือคนซ้อนเกิดเจ็บหนักหรือถึงขั้นเสียชีวิตขึ้นมาล่ะ คนที่เค้ารักคุณ ที่รอคุณอยู่ที่บ้านคงต้องไปเยี่ยมหาคุณในสถานจองจำแทนซะเปล่าๆ ครอบครัวของผู้ที่สูญเสียจะเศร้าโศกเสียใจขนาดไหน พ่อแม่หัวใจสลายที่ต้องเสียลูกไปเพียงเพราะว่าคุณเมา เพราะความประมาทของคุณ ส่วนครอบครัวของคุณล่ะจะเป็นเช่นไรต่อไป เมียลูกจะต้องลำบากอีกแค่ไหน จะอยู่อย่างไรถ้าหัวหน้าครอบครัวต้องติดคุกติดตะราง ผมยังมองไม่เห็นข้อดีแม้เพียงสักข้อเดียวของการที่คุณเมาแล้วขับรถเลย ซึ่งมีแต่ส่งผลเสียร้ายแรงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ความประมาทไม่เคยสร้างสิ่งดีให้กับคุณแม้แต่น้อย แต่ทำไมคุณยังรับมันเข้ามานั่งอยู่ในรถกับคุณด้วยล่ะ? รอประกันมาเคลม บันทึกคำให้การก็พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง กว่าจะเสร็จเรื่องปาไปตี 3 ครึ่งได้มั๊ง ทั้งที่เหตุเกิดประมาณตี 1 ครึ่ง โอ้ว .. เสียเวลาจนลืมปวดท้องไปเลย เบื่อพวกคนเมาพวกนี้จริงๆ ทำไมกฎหมายไม่จัดการพวกนี้ให้เด็ดขาดบ้างนะ ปรับนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็มาสร้างความเดือดร้อนให้คนใช้ถนนที่เค้าปฏิบัติตามกฎ

โดยลำพังกำลังเจ้าหน้าที่ก็คงไม่เพียงพอที่จะตามจับกำกับดูแลคนพวกนี้ได้ทั้งหมดหรอก มันควรจะต้องเริ่มที่การปลูกจิตสำนึกโดยเริ่มที่ตัวเราเอง  แล้วก็ส่งต่อความคิดดีๆ ไปสู่คนรอบข้างและส่งต่อกันไปให้มากที่สุด ปลูกฝังระเบียบวินัย เคารพกฎจราจร รู้จักยำเกรงในกฎหมายช่วยกันทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ แล้ววันหนึ่งสิ่งดีๆ ก็คงจะเกิดขึ้นได้ในสังคมแห่งนี้

 

เขียนเมื่อ : วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 เวลา 12:29 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เอ่อ .. ผิดไหม? .. ถ้าถ่ายภาพด้วยโหมด P ..

เคยอ่านความเห็นมากมายจากเวบบอร์ดหลายๆ ที่มาแล้ว เรื่องของการใช้โหมดถ่ายภาพของกล้อง เค้าว่ากันว่าอุตส่าห์ซื้อ DSLR ทั้งที หัดใช้โหมด M สิ โหมด P น่ะเค้าไว้ให้เด็กๆ มือใหม่หัดถ่ายเค้าใช้กัน

อยากรู้จริงว่าใครเป็นคนริเริ่มความคิดแบบนี้ แถมยังเผยแพร่เป็นเหมือนลัทธิโหมด M อีกด้วยนะ สังเกตได้ตามเวบบอร์ดหลายๆ แห่งที่แวะเวียนเข้าไปดูอยู่บ่อยๆ เคยเจอประเภทคุยกันอยู่ดีๆ ถามเราว่าใช้โหมดไหนถ่ายล่ะ พอเราบอกว่าโหมด P บ๊ะ .. มันกลับมองเราแบบเย้ยหยันหน่อยๆ แบบว่าแกมันคนละระดับกับชั้น

แล้วก็เริ่มสาธยายว่ามันต้องโหมด M สิ ดีอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างเค้าเนี่ยถ่ายโหมด M มาตลอด เห็นไม๊? ได้แสงได้ภาพที่สวยกว่า(ของแก)เยอะแยะ เค้าเนี่ยระดับโปรนะ เราก็ครับๆๆ เพราะผมมันก็มือใหม่จริงๆ นี่นา

ก็เลยสงสัยว่าโหมด P วัดแสงได้ผลออกมาเหมือนๆ โหมด M หรือเปล่า? ถ้าอยู่ในสภาพแสงเดียวกัน จะได้ค่าพารามิเตอร์ที่เท่าๆ กันหรือเปล่า? ถ้า fix ค่าพารามิเตอร์อื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น WB, ISO อื่นๆ ให้เป็นค่า default ทั้งหมด อยากรู้จริงหนอว่าไอ่โหมด M มันให้ภาพต่างจากโหมด P แบบทิ้งกันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?

ก็เลยลองหยิบเอาน้อง D5000 ตัวเก่งออกมาทดลองถ่ายภาพด้วยโหมดต่างๆ ไล่กันไปตั้งแต่โหมด AUTO, P, S, A, M แล้วลองสังเกตว่ากล้องจะวัดแสงออกให้เป็นอย่างไร? และให้ภาพต่างกันอย่างไร? ก็ได้ผลปรากฎออกมาเป็นดังภาพต่อไปนี้ ที่ระยะ 29 mm., ISO 200, WB-Auto

  อันนี้โหมด P กับ S ได้ค่า F8 และ 1/250 ทั้งสองภาพ

  ส่วนอันนี้โหมด A กับ M ได้ค่า F8 และ 1/250 อีกเช่นกัน

อธิบายรายละเอียดนิดนึงจะได้เข้าใจตรงกัน ทั้งหมดผมใช้ระบบวัดแสงแบบ Center Weight Average และไม่มีการชดเชยแสงแต่อย่างใด ทั้ง 4 ภาพถ่ายในเวลารวมกันไม่เกิน 10 วินาทีเพื่อให้สภาพแสงเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ผมถ่ายที่ระยะ 29 mm., ISO 200, WB-Auto

ภาพแรกผมใช้โหมด P* (P-Shift) โดยครั้งแรกกล้องพยายามใช้รูรับแสงกว้างสุดเท่าที่ทำได้ในระยะที่ใช้ถ่ายภาพนี้ แต่ผม shift ให้แคบลงมาเป็น F8 เพื่อหวังผลเรื่องระยะชัดที่เพิ่มขึ้นไม่เช่นนั้นอาจจะเก็บวัตถุที่จะถ่ายได้ชัดไม่เพียงพอ

ส่วนภาพถัดมาก็หมุนวงแหวนเปลี่ยนโหมดไปสู่โหมด S โดยที่ผมเลือก shutter speed ให้เท่ากับภาพแรกคือ 1/250 กล้องก็วัดแสงได้ F8 อีกเหมือนกับโหมด P จากนั้นก็หมุนไปสู่โหมด A ผมปรับ Aperture ให้เป็น F8 กล้องก็วัดแสงได้ที่ 1/250 เช่นเดียวกัน

และสุดท้ายที่โหมด M ผมตั้ง shutter speed ที่ 1/250 และ Aperture ที่ F8 สเกลวัดแสงในกล้องแสดงค่าที่ 0 ไม่ + หรือ - ทั้งหมดก็ได้มา 4 ภาพตามที่เห็นนี่แหละครับ เรามาลองดูภาพในมุมอื่นๆ บ้าง แต่การถ่ายก็จะใช้วิธีเดียวกัน บนเงื่อนไขดังที่กล่าวไว้แล้ว

อันนี้ถ่ายที่ระยะ 29 mm. เช่นเดิม ISO 200, WB-Auto, Aperture F5, Shutter Speed 1/800 sec.

  โหมด P กับโหมด S

  โหมด A กับโหมด M

ลองมาดูกันอีกซักมุมนึงซิ .. ถ่ายที่ระยะ 29 mm. อีกที ISO 200, WB-Auto, Aperture F11, Shutter Speed 1/500 sec.

  โหมด P กับโหมด S

 

โหมด A กับโหมด M

ดูภาพเปรียบเทียบมุมอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ https://plus.google.com/photos/103736898918551133698/albums/5861552022202371425

เรื่องโหมด P เนี่ยะผมว่านะ บริษัทกล้องทั้งหลายลงทุนพัฒนาฐานข้อมูลโหมดโปรแกรมนี้จากการใช้งานของช่างภาพอาชีพและผู้ใช้โดยอาศัยพื้นฐานจากพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มตัวอย่างทั่วโลกก่อนที่จะเอาข้อมูลที่ได้มาใส่ลงไปในชิพประมวลผลไม่ว่าจะเป็น EXPEED หรือ Digi IV หรือผู้ผลิตอื่นๆ ก็ตาม ผู้ใช้อย่างเราก็น่าจะเชื่อใจได้ในระดับหนึ่งเพราะเราอาจจะกำลังใช้พารามิเตอร์ของช่างภาพระดับโลกคนใดคนหนึ่งอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ล่ะครับ ..

แต่สภาพแสงจริงในสถานที่ที่เรากำลังถ่ายภาพอยู่นั้นมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นั่นยิ่งเป็นผลดีที่ชิพประมวลผลที่บริษัทกล้องชั้นนำทุ่มทุนคิดค้นด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจะได้แสดงประสิทธิภาพได้เต็มพลังจะได้เห็นกันว่าจะทำได้สมราคาหรือไม่

หากแต่ว่าสภาพแสงบางอย่างอาจจะซับซ้อนเกินกว่าความฉลาดของชิพประมวลผล เช่นสภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูงมาก มีส่วนมืดและส่วนสว่างที่แตกต่างกันในภาพเยอะๆ หรือในสภาพการใช้แสงแฟลชเพื่อลบเงาในเวลากลางวันในวันที่แดดจัด ซึ่งนั่นเองที่คนหลังกล้องต้องเข้าใจเรื่องของการวัดแสง ระบบวัดแสงแบบต่างๆ การชดเชยแสงเพื่อแก้ปัญหาที่ชิพอันชาญฉลาดถูกหลอกจากสภาพแสงที่ซับซ้อนดังกล่าว และก็เป็นเหตุให้ต้องมีโหมด M ให้คุณๆ ได้ใช้กันนั่นเอง

  ถ่ายภาพทะเลวันที่มีแดด ถ้าให้กล้องวัดแสงเองจะได้ภาพ under (ซ้าย) ต้องชดเชยแสงเพื่อให้ภาพที่ถูกต้อง (ขวา)

ส่วนโหมด P สมัยนี้มันฉลาดขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงค่าที่กล้องเลือกให้เรา เพื่อหวังผลที่จะให้ได้ภาพตามจินตนาการที่เราต้องการ ที่เรียกกันว่า P-Shift มีสัญญลักษณ์เป็น P* ที่อนุญาตให้เราเปลี่ยนค่าพารามิเตอร์หลักๆ ในการถ่ายภาพได้ตามต้องการโดยที่ค่าการวัดแสงยังคงถูกต้องพอดีอยู่ เป็นโหมดที่ให้ความสะดวกสบายมากกับการใช้งานถ่ายภาพทั่วไป ครอบคลุมแทบจะทุกสถานการณ์


P-Shift (P*) เปลี่ยนค่าจากที่กล้องตั้งไว้ .. ให้เป็นค่าที่เราต้องการ ..

สิ่งที่ต้องฝึกควบคู่ไปกับการใช้โหมด P-Shift ก็คือ การชดเชยแสง (Compensation) เพื่อแก้ไขความผิดพลาดจากการที่กล้องถูกหลอกจากสภาพแสงที่กล่าวด้านบนนั่นแหละ หากเราฝึกใช้ให้คล่องแคล่วแล้วโอกาสที่จะได้ภาพสำคัญๆ ในเสี้ยววินาทีจะมีมากกว่าโหมด M เพราะไม่ต้องวัดแสงเอง ไม่ต้องเสียเวลามาตั้งค่ารูรับแสง หรือค่าความเร็วชัตเตอร์อีก เพียงแค่ยกขึ้นแล้วเล็ง โฟกัสเข้าก็กดชัตเตอร์ได้ทันที

ส่วนโหมด M กรุณาศึกษาวิธีการใช้ให้ถี่ถ้วน เพื่อที่จะได้รีดเอาประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาจากสภาพแสงต่างๆ ได้อย่างชำนาญ มิใช่ว่า ข้าใช้โหมด M (ว๊อย) แสดงว่าข้าเป็นโปร ส่วนแกใช้โหมด P (เมิง) เป็นมือใหม่อ่อนหัด ถ่ายรูปสู้(กรู)ไม่ได้หรอก(เว๊ย) เจอคนแบบนี้ .. วัยรุ่น(ตอนปลาย)อย่างผมก็เซ็งอ่ะดิ ..

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 เวลา 02:16 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทริปนี้ .. ไปเมืองกาญจน์ครับ ..

 

ไปเที่ยวกับเอแคลร์ คุณย่าแล้วก็คุณอามาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (24/10/53) แต่ด้วยความที่ก่อนไปเที่ยวก็มีปัญหากับท้องไส้อยู่ก่อนแล้ว เลยเป็นเหตุให้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาดูซักเท่าไหร่ เพราะเสียแรงไปกับอาการท้องเสียจนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร แต่ก็ประทับใจรีสอร์ทที่ไปพักพอสมควรทีเดียว เพราะดูแล้วถ้าเทียบกับราคาไม่ถึง 1,200 บาทรวมอาหารเช้ากับสภาพห้องพักที่น่าพอใจ มี wi-fi ให้เล่นแก้ขัดได้ไม่เร็วมากแต่ก็พอให้ไม่เหงามือหรือติดต่อกับโลกภายนอก

ในส่วน Facility ต่างๆ ของรีสอร์ทมีให้ใช้บริการทั้งสปา สระว่ายน้ำ ค่ำๆ มีดนตรีสดให้ฟังในบรรยากาศริมแม่น้ำ มีเรือคายัคให้พายเล่นกัน ใครชอบกีฬาทางน้ำคงชอบที่นี่ เพราะเหมือนกับมีหาดทรายส่วนตัวอยู่ในรีสอร์ทด้วย เพียงเดินลงจากส่วนของบาร์ลงมาด้านล่างจะเป็นหาดทรายยาวให้ซึมซับบรรยากาศสบายๆ ริมแม่น้ำกันได้เต็มอิ่ม ช่วงที่ไปพักมาคนมาโชว์การเล่นเจ็ทสกีให้ดูกันด้วย ส่วนอาหารเช้าก็อยู่ในขั้นโอเครับได้ ไม่ได้ดีเลิศหรูหราแต่ก็เพียงพอสำหรับคนที่ไม่เรื่องมากกับการกิน รสชาติอร่อยใช้ได้

พอแล้วล่ะเดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นหน้าม้าของรีสอร์ทซะเปล่าๆ


ไปเที่ยวกันที่นี่แหละครับ ..

ตอนแรกคิดว่ากลับมาถึงจะอัพบล็อคซะเลย แต่กลับมาก็ยังท้องเสียอยู่ อีกทั้งรถยังโดนคนเมาขับชนอีก แล้วก็ยังมีงาน Halloween Party ของที่ร้านอีกด้วย เลยต้องดองทริปนี้ไปก่อนโดยปริยาย  วันนี้อัพบล็อคงานที่ร้านแล้วก็เลยได้โอกาสเอาทริปนี้มาอัพด้วยเลย และก็ส่วนรายละเอียดการเดินทางอัพไปเมื่อวานในบล็อคของน้องเอแคลร์แล้วสามารถหาอ่านเอาได้จากลิ้งค์นี้
http://myeclair.wordpress.com/2010/10/30/ไปเที่ยวเมืองกาญจน์มาครับ../

เอาล่ะ มารับชมภาพกันดีกว่านะ


เพราะจะพาคนนี้แหละไปเที่ยว ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมาล่ะ ..


ค่ำๆ หน่อยก็จะมีดนตรีสดมาบรรเลงให้ฟังกันที่ริมน้ำแบบนี้แหละ


มุมโปรดที่ใครๆ ก็ชอบมานั่งกัน เพราะสามารถชมวิวพื้นน้ำกว้างใหญ่ และผืนฟ้ากว้างไกล ..


ทางเข้าสปา .. ใครสนใจสามารถมาใช้บริการได้ .. มีบริการถึงในห้องพักด้วยนะ ..

 


บาร์ครื่องดื่ม .. สำหรับคอแอลกอฮอล์ จิบเครื่องดื่มเคล้าเพลงเพราะๆ เพลินกันจนเมาไม่รู้ตัว ..


นี่ภาพด้านหน้าถ่ายจากหน้าห้องพัก ..

ถ้าใครประสงค์จะชมภาพเพิ่มเติม ก็ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ไปเลย
https://plus.google.com/photos/103736898918551133698/albums/5861552416070975025

ขอแสดงความขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันนะครับ ..

 

เขียนเมื่อ : วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2553 เวลา 17:03 น. GMT+7 THAILAND
เขียนโดย : Tombass