วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ได้ของเล่นใหม่เว้ย .. GPS : WayWay Q4301 พร้อมแผนที่ PapaGo! X6

 

เอาอีกแล้วเว้ย จู่ๆ ก็ได้ของเล่นชิ้นใหม่ เพิ่งได้ไปรับของมาวันนี้ สดๆ ร้อนๆ เลย บ้าเห่อกันไปตามประสา โดยอภินันทนาการจากคุณอาของน้องเอแคลร์ โดยสั่งซื้อผ่านเวบไซต์ http://www.ensogo.com ตัดบัตรเครดิตไปเรียบร้อย พิมพ์ voucher มา 1 ใบมีรหัสสั่งซื้อและบาร์โค้ด เก็บให้ดีอย่าให้หาย แล้วก็เป็นธรรมดาเหมือนทุกครั้ง ที่ผมก็จะเป็นคนทดสอบ รัน-อินเครื่อง ศึกษาวิธีใช้งานต่างๆ เช่นเดิม

 

เริ่มไปรับของได้ตั้งแต่วันที่ 18/05/54 เป็นต้นไป ที่ M3 Technology อยู่ที่ตึก KPN พระราม 9 ชั้นที่ 21 โทรนัดกันกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยตั้งแต่เที่ยง เข้าไปถึงบ่ายโมงปรากฎว่ายังไม่มีใครทำงานเพราะยังไปทานข้าวกันอยู่ เลยลงมานั่งรอที่ร้านกาแฟด้านล่างที่ชั้น L จนถึงบ่ายสอง ลองขึ้นไปอีกทีก็ยังทานข้าวไม่เสร็จ เห็นมีลูกค้าอีกท่านหนึ่งนั่งรออยู่ก่อน เลยไปเข้าห้องน้ำ จนบ่ายสองเศษๆ ออกมาก็เดินเข้าไปดูอีกที

อ้าาาาา .. มีคนมาทำงานแล้วว๊ะเห้ย ดีใจชิบเป๋งเลย ..

 

ได้ของมา ก็ตรวจเช็คอุปกรณ์ สายชาร์จในรถ สาย USB ใช้ชาร์จผ่านคอมฯ ได้ โฮลเดอร์ คู่มือ ใบรับประกันสินค้า มีแบตสำรองมาให้อีกก้อนด้วยล่ะ แต่รุ่นนี้ไม่มี SD Card แถมให้นะ เลยให้คุณธีรพัฒน์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยสอนการใช้งานเบื้องต้นให้ก่อน ต้องขอบคุณมากๆ จากนั้นขับรถลงมาจากตึกก็จอดแวะข้างทาง ติดตั้งเจ้า GPS ตัวใหม่เข้ากับกระจกหน้ารถ แล้วลองเริ่มใช้งานทันที ใครจะว่าเห่อของใหม่ก็ยอมล่ะว๊ะ

 

 

เออ เข้าท่าดีว่ะเห้ย ตั้งจุดหมายปลายทางไปที่บ้านเราแสนสุขใจ เครื่องสามารถคำนวณหาเส้นทางได้อย่างรวดเร็วดีใช้ได้ แผนที่มีตึกแบบ 3D ด้วย แสดงแยกต่างๆ ขึ้นมาให้ดูอีกต่างหาก ชิดซ้ายชิดขวาบอกให้เสร็จสรรพ รู้อีกแน่ะว่าให้อยู่เลนไหน ชักจะฉลาดไปแระ ลองเปลี่ยนเส้นทางไม่ไปตามที่เครื่องบอก เครื่องก็จะคำนวณเส้นทางใหม่ให้ทันที วิ่งตามที่เครื่องบอกไปจนถึงบ้าน แกล้งขับเลยไปซะจะแวะไปซื้อยาที่ร้านขายยาหลังบ้าน ก็พยายามบอกทางให้ใหม่ รู้อีกนะว่าที่ซอยลัด .. ไม่ธรรมดา เฮ้ย ไม่ธรรมดา ..

 
หน้าจอหลักของเครื่อง

เล่นมาก กลับถึงบ้านแบตหมดเลย จริงๆ เตือนแบตอ่อนตั้งแต่มาได้ครึ่งทาง รถก็วิ่งอยู่จะจอดก็เกรงใจคันหลังเพราะอยู่บนสะพานยกระดับรามคำแหง ในช่องพิเศษด้วย ขลุกขลักน่าดูต้องความหาสายชาร์จในรถมาเสียบ อันตรายนะครับ โปรดอย่าเอาเยี่ยงอย่าง มันไม่ดี แต่ก็รอดมาจนได้ กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

 
เข้าระบบนำทาง GPS จะพบกับหน้านี้

  
การแสดงผล มีแบบกลางวัน / กลางคืน อัตโนมัติ ใครไม่คุ้นเคยก็ตั้งแบบกลางวันอย่างเดียวก็ได้

มาสังเกตว่า เอ๊ะ .. ทำไมเวลาใช้ต่อกับสายชาร์จในรถ ตัวเครื่องมันจะร้อนมาก จับที่ด้านหลังเรียกได้ว่าร้อนเลย ไม่ใช่แค่อุ่นๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองดูอีกที ถ้ายังเป็นอีกก็คงไม่ปกติแล้วจะได้เอาเข้าไปเคลมที่ศูนย์ (จริงๆ อยากจะหาเรื่องไปอีก เพราะน้องที่ร้านกาแฟด้านล่างน่ารักมากกกกกก ..ขอบอกกกกก)

เอาล่ะ เราลองมาดูภาพของเล่นใหม่ของผมกันนะคร๊าบบบบบ ..

 

  
ถ้าเลือกให้ค้นหา ก็จะเข้ามาสู่หน้านี้ เลือก Favourite / POI หรือใส่พิกัด หรือจะดูจากประวัติที่เคยใช้ก็ได้

 
อ่านคำเตือนแล้วช่วยปฏิบัติตามกันด้วยนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนอื่นๆ ด้วย

 

  
มีภาพ 3D ของอาคารที่มีชื่อเสียงหลายๆ แห่ง

 
ออกจากระบบนำทาง .. ตัวนี้ใช้แผนที่ของ PapaGo!

 
ปิดเครื่องแล้ว ..

เอามาลองเล่นตามประสาคนบ้าเห่อ .. จบแล้วคร๊าบบบบ ..

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2554 เวลา 23:50 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แล้วผม .. ก็อินเทรนด์กับเค้าแล้วว๊ะเฮ้ย .. iPhone 4 ..

 

เฮ้อ .. และแล้วก็ต้องตกเป็นทาสวัฒนธรรม iPhone 4 ของอีตา "สตีฟ จ็อบบ์" ไปอีกหนึ่งคนจนได้สิน่า ว่าจะไม่ .. จะไม่แล้วเชียว แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนไปกับหุ่นอันเพรียวบางแต่หนักแน่นของเจ้า iPhone 4 ดูมันช่างเย้ายวนชวนให้ลูบไล้ไหลหลง พอได้ไปลองยืนเล่นเครื่องจริงที่ศูนย์ DTAC ที่ The Mall บางกะปิ ต้องหักห้ามใจอยู่นาน เดินเข้าเดินออกศูนย์ DTAC บ้าง AIS บ้าง TRUE บ้าง รวมไปถึง J Mart อีกด้วยเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง เข้าๆ ออกๆ จนพนักงานเริ่มมองด้วยสีหน้าสงสัย ว่าอีตานี่จูงมือเด็กอ้วนๆ เดินเข้าเดินออกอยู่นั่นแหละ หรือจะเป็นพวกตาลีบันจะมาดูลาดราววางระเบิดพลีชีพเพื่อแก้แค้นแทน "บิน ลา เดน" หรือเปล่า? (ฮาาาา .. อ้าวไม่ขำเหรอ .. มุขแป้กอีกเหมือนเดิม ..)

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า .. เรื่องมันก็เริ่มต้นที่ ..

เมื่อ 2-3 วันก่อน (วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2554) ต้องออกไปจ่ายค่าบัตรเครดิต KTC ที่ KTC TOUCH เดอะมอลล์บางกะปิ พร้อมทั้งพาย่าน้องเอแคลร์ไปธุระที่ วุฒิ-ศักดิ์ เพื่อไปทำอะไรซักอย่างนี่แหละ ซึ่งต้องใช้เวลารอคอยนานมากๆๆๆ เพราะไปถึงตั้งแต่บ่าย 2 โมง กว่าจะออกจากเดอะมอลล์ก็ปาเข้าไปกว่า 6 โมงเย็นแล้ว เลยใช้เวลาช่วงว่างๆ ระหว่างรอคุณย่า ไปเดินเล่นกันน้องเอแคลร์

 

เดินดูเน็ตบุ๊คก็แล้ว เดินไปซื้อ DVD การ์ฟิลด์ก็แล้ว เดินไปทักไอ่ริ้วที่ร้านก็แล้ว แวะลงไปกินเชสเตอร์ กริลล์อีกก็แล้ว ไปซื้อแบตโทรศัพท์ให้คุณย่าก็เสร็จแล้ว เลยเดินย้อนกลับไปแวะกลับไปซื้อเกม IRON MAN 2 เพื่อเอากลับมาเล่นกับ PS2 ที่บ้านซักแผ่น หันมาดูเวลายังเพิ่งจะบ่าย 3 โมงยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ คุณย่าก็โทรเข้ามาบอกเป็นระยะๆ ว่ายังไม่เสร็จธุระเลยต้องคอยคิวอีกหลายคน สองคนพ่อลูกมองหน้ากันคิดว่าเอายังไงกันดีหว่าเนี่ย

เดินเตร็ดเตร่ไปมาจนทั่วห้างแล้ว เลยแวะเข้าไปที่ศูนย์ DTAC ไปเจอเครื่อง iPhone 4 เสียบอยู่ใน Dock มีอยู่ 2 ตัวไว้ให้ลองเล่นอยู่ด้่านหน้าทางเข้าเลย น้องเอแคลร์ก็เลยเข้าไปจับๆ เล่นๆ ดูเพราะเคยเล่นของเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว กดเปิดเกมเล่นอย่างคล่องแคล่ว เป็นเกมแข่งรถอะไรซักอย่างนี่แหละก็เลยสนุกเค้าล่ะ ทั้งที่เคาเตอร์ด้านหน้าสูงแทบจะพ้นหน้าน้องเอแคลร์อยู่แล้ว ก็ยังมีความพยายามเขย่งเท้าทั้งสองข้างเพื่อที่จะเล่นให้ได้ ยอมทนยืนเมื่อยอยู่อย่างนั้นเพื่อที่จะได้เล่น ป๊ะป๋าก็ยืนลองเล่นอยู่อีกเครื่องนึง

  

นานเท่าไหร่ไม่รู้ ป๊ะป๋าก็ชวนน้องเอแคลร์ออกจากศูนย์ DTAC เดินไปดูที่ศูนย์ TRUE MOVE ปรากฎว่ามีให้เล่นเหมือนกัน น้องเอแคลร์ก็ได้เล่นกันอีก แต่ที่ TRUE มีให้ลองเล่นเครื่องเดียว ก็นานอยู่นะ มีน้องผู้หญิงคนนึงมาต่อคิวรอเล่นอยู่ ก็เลยบอกน้องเอแคลร์ว่าพอแล้ว แบ่งให้น้องเค้าเล่นบ้างก็ยอมแต่โดยดี แต่ก็มีบอกให้ป๊ะป๋าซื้อเลย ก็เลยไปหยิบใบราคาที่วางอยู่ด้านหน้ามาดู

 

จากนั้นก็เลยเดินไปดูที่ AIS Shop ปรากฎว่าไม่มีเครื่องจริงให้ลองแฮะ เลยหยิบใบราคาแล้วเดินออกมาขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปดูที่ J Mart อยู่ที่นี่นานหน่อย เครื่องที่ให้ลองมีเกมให้น้องเอแคลร์เล่นเยอะเลย พนักงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีทำหน้าบึ้งตึง เล่นอยู่นานก็ไม่ว่า ส่วนป๊ะป๋าไปเจอ LG Optimus อืมมมม .. น่าสนใจแฮะ เลยยืนอ่านข้อมูลนานหน่อย มีน้องพนักงานเข้ามาสอบถามให้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นอย่างดี ทั้ง iPhone 4 และ LG Optimus ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ขอบคุณน้องพนักงานผู้ชายคนนั้นไว้ด้วย ที่ทำให้พี่ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะข้อมูลที่ชัดเจนจากน้องนั่นแหละ

 

ก็ว่าจะซื้อกับน้องที่ J Mart คนนั้นนั่นแหละแต่น้องเค้าติดขายเครื่อง Smart Phone ของ ACER ให้ลูกค้าอยู่ ส่วนผมกับลูกก็รอนานไม่ได้แล้วเพราะเดี๋ยวจะเสร็จเรื่องไม่ทันย่าน้องเอแคลร์แล้วจะทำให้กลับบ้านกันเย็นย่ำค่ำมืดเกินไปเพราะจนถึงเวลานี้ก็ประมาณเกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว เลยเดินออกมาจาก J Mart ลงมาที่ศูนย์ DTAC เพื่อจะซื้อที่ศูนย์ซะเลยแล้วกัน

 

ลงมาก็บอกน้องๆ ที่ทำหน้าตาสงสัยเราสองคนพ่อลูกเมื่อชั่วโมงก่อนว่าจะขอซื้อเครื่อง iPhone 4 หน่อยครับถามถึงสีขาว ปรากฎว่าไม่มี (ไปถามทุกศูนย์ทั้ง AIS, TRUE, J Mart ก็บอกว่าไม่มีเหมือนกัน) เหลือแต่สีดำ เอาก็เอาว๊ะ น้องเอแคลร์อยากจะเล่นจะแย่แล้ว ป๊ะป๋าก็อยากจะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่พอดี ไม่ได้ซื้อโทรศัพท์มาหลายปีแล้ว เครื่องสุดท้ายที่ซื้อก็ NOKIA N95 ตัวธรรมดาตั้งแต่ตอนเปิดตัวออกมาใหม่ๆ (อืมมม .. มันกี่ปีแล้วน๊าาา ..) ซึ่งมันก็ยังใช้ได้ดีอยู่ (เออ .. แล้วกรูจะซื้อใหม่ทำไมว๊ะเนี่ย?) จะบอกว่าไม่ได้ซื้อใหม่ซักเครื่องเดียวก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะระหว่างนั้นก็มีซื้อเครื่องเล็กๆ ใส่ TRUE ใส่ HUTCH มาบ้าง 2-3 เครื่อง แต่เครื่องหลักๆ ที่เป็น Smart Phone ก็เพิ่งได้ซื้อเนี่ยะ

เอ๊ะ .. ทำไมผมต้องไปซื้อที่ศูนย์ DTAC น่ะหรือ คำตอบง่ายมา ก็เพราะผมเป็นลูกค้า DTAC อยู่แล้วยังไงล่ะครับ การซื้อครั้งนี้ผมต้องยอมเสียสละโปร ZAD 5 ที่ใช้มานานหลายปีซึ่งเป็นโปรโทรฟรีที่ไม่มีอีกแล้ว มาเป็นโปรสำหรับ iPhone (อันนี้บังคับให้เลือกเอาอันนึง) เลยเลือกแบบ M ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ 580 บาท (ยังไม่รวม VAT นะ) โทรได้ 250 นาที ใช้ GPRS/EDGE Internet ได้แบบ UnLimited ส่ง SMS ได้ 300 ครั้ง ส่ง MMS ได้ 50 ครั้ง ใช้ฟรีอีก 6 รอบบิลหลังจากครบ 18 รอบบิลแล้ว

คิดๆ ดูแล้วก็เสียดายโปรเก่าอยู่เหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะเปิดเบอร์ใหม่ไปเลยแล้วก็ใช้แค่ 2 เดือน (เพราะน้องพนักงานที่ศูนย์บอกว่าบังคับแค่ 2 เดือน) แล้วก็ปิดกลับมาใช้เบอร์เดิมโปรเดิมต่อไป แต่มาคิดดูอีกทีทุกเดือนก็จ่ายค่าโทรรวมบริการเสริมต่างๆ ทั้งหมดก็ประมาณ 600 กว่าบาทอยู่แล้ว อีกทั้งก็โทรน้อยมากๆๆๆ โดยมากจะรับสายซะมากกว่า (แอบงก .. Miss Call มา ก็ไม่โทรยอมกลับอีกต่างหาก มีธุระกับกรูก็โทรมาดิว๊ะ) เดือนนึงโทรไม่เคยเกิน 100 นาที เพราะมีเครื่อง HUTCH โทรถูกเม้าท์กระจายอยู่แล้ว เลยตัดสินใจยอมสละโปรสุดเลิฟที่อยู่กันมานาน เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ อินเทรนด์กับเค้าบ้างแล้วว๊ะเฮ้ย

 

แต่ก็ยังคิดว่าจะใช้คุ้มหรือเปล่า? SMS กับ MMS เหลือบานเบอะแหงๆ แต่ได้ DTAC Internet แบบไม่จำกัดปริมาณการใช้อันนี้ใช้คุ้มแน่ๆ เพราะออนไลน์เปิด web / e-mail ใช้ internet banking แทบจะทุกที่ทุกวัน ต่อไปคงใช้มากกว่านี้เพราะคงเช็คราคาหุ้น / ทองคำ / กองทุน กันแทบทั้งวันอีกด้วย

ขอบคุณน้องเปิ้ล เจ้าหน้าที่ของศูนย์ DTAC เดอะมอลล์ บางกะปิที่ช่วยอำนวยความสะดวก จัดการเรื่องโปรใหม่ เรื่องทำ Micro SIM ให้ใหม่เพื่อใช้สำหรับ iPhone 4 ทั้งยัง copy รายชื่อบน SIM เก่าใส่ SIM ใหม่ให้ด้วย ติดต่อเรื่องรายละเอียดการยกเลิกโปรเก่าและบริการมากมมายที่ผมสมัครไว้กับทาง Call Center จัดการเรื่องเช็ควงเงินบัตร ทดสอบเครื่อง สอนการใช้งานเบื้องต้นในบางส่วน และตอบทุกคำถามจุกจิกยุบยิบของผมเป็นอย่างดี ทำเรื่องผ่อน 0% 10 เดือนกับ CITIBANK ให้โดยเรียบร้อย

อืมมมม .. ไม่นึกว่าการซื้อโทรศัพท์ซักเครื่องนึง มันต้องใช้เวลาจัดการเรื่องต่างๆ รวมทั้งเซ็นเอกสารเยอะแยะมากมายนั้นเกือบจะร่วมๆ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ได้เครื่องมาเป็นเครื่องเปล่าๆ มี App. มาไม่กี่ตัวจากศูนย์ ต้องมาหาวิธีโหลดเอาเองจาก App.Store ในเครื่องนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปหรอก ใครๆ ก็ทำได้ ผมคิดว่า iPhone 4 ที่ผมใช้อยู่เนี่ย ส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้นั้นเป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยากเย็นนัก เรียกว่าใครอ่านหนังสือพิมพ์แล้วรู้เรื่อง ก็สามารถใช้งานเครื่องได้อย่างไม่ยากเย็นเลย GUI สวยงามและดู Friendly มากๆ ใครเห็นก็อยากจะใช้เพราะความง่ายของมันนั่นเอง นั่นสินะ .. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม iPhone, iPad, iPod หรือ i .., i .. ,i .. ที่จะตามออกมาถึงได้ครองใจคนทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ปราดเปรื่องซะจริง จริ๊งนะอีตา สตีฟ จ็อบบ์เนี่ย

มันไม่จบแค่นั้นน่ะสิ เพราะเจ้า iPhone มันก็ยังมีอะไรต่ออะไรมาเรียกเงินจากในกระเป๋าเราได้อีก ทั้งที่เป็น H/W อย่าง Accessories ต่างๆ หรืิอจะเป็น S/W ที่มีมากมายให้เลือกซื้อเลือกโหลดตามต้องการและแรงปรารถนา อย่างผมซื้อเครื่องมาได้ 2 วันได้เสียเงินซื้อ App. ซะแล้วทั้งที่ผมไม่ยอมซื้ออะไรผ่าน internet ง่ายๆ เพราะเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล ก็ยังยอมให้ข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อสมัคร Apple ID กับเวบของอีตาสตีฟ จ็อบบ์นี่แหละ แม้แต่บิล เกตท์ยังไม่ได้ตังค์ผมซักบาททั้งที่ผมใช้ผลิตภัณฑ์ของเค้าตั้งหลายตัว แต่ต้องมาพลาดให้อีตาสตีฟ จ็อบบ์จนได้ ร้ายจริงๆ อีตาคนนี้

  

เอ้า .. ใครยังจดๆ จ้องๆ อยู่ ถ้าไม่อยากเสียเงินก็อย่าได้เดินเข้าไปดู หากได้ลูบคลำแล้วจะพลาด เงินหลุดจากกระเป๋าโดยไม่รู้ตัวนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้น๊าาาา

แต่หากใครได้เป็นเจ้าของแล้ว รับรองว่าจะได้รับความพึงพอใจสูงสุด เพราะเค้าออกแบบมาเพื่อให้คนทั่วโลกทุกคนได้ใช้โทรศัพท์ที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์

It's not iPhone, It's a part of your life

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2554 เวลา 01:45 GMT+7 ประเทศไทย
ผู้เขียน : Tombass

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไปเมืองกาญจน์กันอีกครั้ง .. (ตอนจบ)

>> คลิ๊กไปดูตอนที่ 1 << || >> คลิ๊กไปดูตอนที่ 2 << || >> คลิ๊กไปดูตอนจบ <<

เราก็กลับมาเข้าเรื่องของเรากันต่อดีกว่า เท้าความย้อนหลังกันสักเล็กน้อย หลังจากในโพสแรกได้เล่าถึงการเดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรีและเข้าสู่ทีพัก ส่วนในตอนที่ 2 ได้แนะนำมุมต่างภายในรีสอร์ทกันไปแล้ว ในโพสนี้เราจะเดินทางไปเที่ยวกันตามโปรแกรมที่วางไว้คร่าวๆ กันนะครับ ตั้งใจว่าจะให้จบเรียบร้อยในโพสนี้เลย อาจจะยาวหน่อยนะครับ


ภาพจาก http://www.kanchanaburi.com/

การท่องเที่ยวในเมืองกาญจน์ สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้รถส่วนตัวเพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งนั้นอยู่ห่างกันมาก และโดยมากแต่ละที่ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงทั้งนั้น อยู่ที่เราพักกันที่ไหน ส่วนรถสาธารณะนั้นก็มีแต่ไม่ได้มากมาย อาจจะทำให้เสียเวลาในการเที่ยวไปเปล่าๆ กับการรอคอย เอาเป็นว่าสามารถหาข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.kanchanaburi.com/ กันเลยนะ

เรื่องมันก็เริ่มกันที่ตรงนี้..

หลังจากทานอาหารเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย เอ่อ..ขอเล่าถึงอาหารเช้ากันซักหน่อย เป็นไลน์อาหารเช้าทั่วๆ ไปนั่นแหละ ซอสเซส เบคอน แฮม ไข่ ออมเล็ตเป็นหลัก ซีเรียล โฮลวีท ขนมปังหลากชนิดพร้อมแยมผลไม้อร่อยๆ มีเพิ่มขึ้นมาก็เป็นอาหารหนักๆ แบบไทยๆ เช่นผัดซิอิ๊ว ข้าวต้มหมู-ไก่ แกงจืด แล้วก็อะไรอีก 2-3 อย่างจำไม่ได้แล้ว เครื่องดื่มก็มีชา กาแฟ โกโก้ โอวัลติน น้ำผลไม้ ฯลฯ เอาเป็นว่าไม่ได้ดีเลิศประเสริฐสุข แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดรับไม่ได้ ได้ตามมาตรฐานที่หวังจะได้รับ

 
ได้รับการยืนยันจากสองนักชิม ว่าอาหารเช้าอร่อยใช้ได้ครับ..

จากรีสอร์ทเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจน์ จุดหมายแรกที่ต้องไม่พลาดคือสุสานทหารสัมพันธมิตร(ดอนรัก) เป็นสุสานเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในการสร้างทางรถไฟสายมรณะไปประเทศพม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวน 6,982 ศพ เราไปดูภาพกันครับ..

 

  
ญาติใครกันบ้างก็มาเดินหาดูกันได้ที่นี่ / สองหนุ่มถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

จากสุสานดอนรัก มุ่งหน้าต่อไปทางสู่ถ้ำกระแซ ไปทางเดียวกับเส้นทางไปน้ำตกไทรโยค แต่จะถึงทางแยกไปสถานีรถไฟถ้ำกระแซก่อน เอาล่ะเดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ ลองดูแผนที่นี้ประกอบไปด้วยก็แล้วกัน


ภาพจาก http://www.kanchanaburi.com/

เราไปดูภาพที่สถานีถ้ำกระแซกันครับ..

 
2 นายแบบกิตติมศักดิ์ประจำทริปนี้

  
รีสอร์ทแนวแอดเวนเจอร์มีให้บริการ ใครชอบลุยๆ มาเลยสนุกแน่ / มุมบังคับ..ใครมาถึงก็ต้องถ่ายเก็บไว้

  
คุณอาติ่งบ้าง เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึงเนอะ.. / อาติ่งถ่ายกับน้องเอแคลร์แล้วก็พี่บอลด้วย

  
ป๊ะป๋าขอถ่ายด้วย..เอาไว้เป็นหลักฐาน

 
มองย้อนกลับมาเห็นสถานีถ้ำกระแซ / พื้นที่บริเวณรีสอร์ท..ไม่บอกชื่อหรอก..ไม่ได้มาโฆษณา

 
ถ่ายรูปหมู่เก็บไว้..เพื่อบอกว่าพวกเราเคยมาที่นี่แล้ว

ทางรถไฟนั่นสามารถเดินไปถึงอีกฝั่งนึงได้ด้วยนะ ถ้าเดินไหว แต่แดดร้อนมาก พื้นไม้ก็ผุไปมากแล้วแต่ก็เดินไปบนไม้หมอนรถไฟแทนได้ มีอีกวิธีที่จะข้ามไปอีกฝั่งก็คือขับรถอ้อมไปซะเลยดีกว่า เขาว่ามีร้านค้า มีของขาย สะดวกสบายกว่าฝั่งนี้ แต่พวกเราไม่ได้แวะหรอก

ออกจากถ้ำกระแซ จุดหมายต่อไปคือ “ช่องเขาขาด หรือ HELLFIRE PASS” ขับตรงผ่านน้ำตกไทรโยคไป วันที่ไปบริเวณน้ำตกรถทัศนาจร รถส่วนตัว รถตู้นำเที่ยวและอีกสารพัดรถอะไรต่อมิอะไรเยอะมากกกกกกถึงมากที่สุดดดด แทบไม่มีเหลือช่องทางจราจรให้ผู้ใช้ถนนร่วมกันได้สัญจรผ่านกันไปได้ เพราะด้วยความไร้ระเบียบวินัยของคนขับรถที่มักง่ายเอาแต่ความสบายส่วนตัวหาที่จอดไม่ได้ที่ก็จอดคาขวางไว้เสียช่องทางจราจรไป 1 ช่องทางเพื่อให้กลุ่มคนขับเหล่านั้นได้ก่อจราจลแย่งที่จอดกัน ทั้งที่เลยไปสักนิดก็จอดได้แต่เดินไกลนิดนึง ก็ไม่ยอมจะต้องจอดให้ตรงทางเข้าน้ำตกกันเลยหรืออย่างไร เดินกันสักนิดคงไม่ลำบากเกินไปมั๊ง ไหนๆ ก็ยอมเดินทางกันมาตั้งไกลเป็นร้อยกิโลเมตรแล้ว ถ้าจะต้องเดินอีกสัก 40-50 เมตรเพื่อเข้าชมความงามของน้ำตกตามที่ตั้งใจกันมาคงไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะ

ขอโทษที่เอามาบ่นตรงนี้ แต่เห็นแล้วมันสะท้อนถึงวินัยของคนในชาติจริงๆ ถ้าในรุ่นนี้มันแก้ไขกันไม่ได้ ก็ช่วยกันปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปที่เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความดีได้เติบโตขึ้นมาทดแทนก็แล้วกัน ไม้แก่มันดัดยากซะแล้วนี่

ไปเที่ยวต่อดีกว่า..

 

ช่องเขาขาด หรือ HELLFIRE PASS ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บริเวณกิโลเมตรที่ 64 -65 บนทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ ภาพถ่ายแสดงการทำงานขุดเจาะภูเขาด้วยมือโดยใช้เพียงกำลังคน ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ทั้งสิ้น มีการฉายภาพยนตร์ที่บันทึกการทำงาน ความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกทหารญี่ปุ่นเกณฑ์มาเพื่อสร้างทางรถไฟ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินลงไปยังช่องเขาขาดที่มีอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกความทรงจำอันแสนเจ็บปวดในครั้งนั้น ยังมีรางรถไฟเก่าหลงเหลืออยู่เป็นบางช่วงด้วย

  
มีป้ายบอกทางเดินศึกษาประวัติศาสตร์และธรรมชาติเป็นระยะๆ พร้อมทั้งให้ข้อมูลในแต่ละจุดด้วย

  
มีบันไดให้เดินลงมาสู่ทางรถไฟเก่า แต่เหนื่อยโฮกๆ.. / ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่กลางช่องเขา กลายเป็นสัญญลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว..

  
ลองดูว่าต้นใหญ่ขนาดไหน เทียบกับทีมงานของเรา..จะอายุกี่ปีลองนึกเอาแล้วกัน..

 
ทางรถไฟสาย พม่า-ไทย ปี ค.ศ.1942 – 1945 ..อนุสรณ์แห่งความทรงจำที่เลวร้ายสำหรับเชลยศึกทุกนายที่ต้องมาทนทุกข์ทรมานและเสียชีวิตไปอย่างมากมาย..

  
เก็บภาพร่วมกันเอาไว้สักหน่อย..จะได้กลับมาโม้ให้ใครต่อใครฟังได้..

 
เข้ามาดูในพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำกันบ้าง..กับการทำงานของเชลยศึกในการสร้างทางรถไฟ

  
แบบจำลองพื้นที่ที่เชลยศึกอาศัยและทำงาน ตำแหน่งแนววางรางรถไฟ / รวมทั้งประวัติของสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

กลับที่พักดีกว่า ดูแล้วมันเศร้าๆ ยังไงไม่รู้ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว รีบออกเดินทางย้อนกลับเข้าเมืองกาญจน์เพราะเริ่มบ่ายคล้อยมากแล้ว เดี๋ยวจะค่ำมืดซะก่อนจะเดินทางกันลำบาก ระหว่างทางแวะซื้อไส้อั่วชื่อดังของที่นี่ เด็กๆ กินข้าวกันเพราะเสียพลังงานกันไปเยอะจากการเดินศึกษาประวัติศาสตร์ที่ช่องเขาขาด จากนั้นก็ขับยาวๆ เข้าเมืองกาญจน์กันเลยมาเจอฝนตอนก่อนถึงตัวเมืองกาญจน์ เลยไม่ได้แวะเข้าไปเก็บภาพยามเย็นที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ไม่เป็นไรเอาไว้คราวหน้ามากันใหม่ก็ได้

ถึงรีสอร์ทเกือบ 6 โมงเย็น เด็ก 2 คนก็รีบกระวีกระวาดลงไปสระว่ายน้ำโดยทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ป๊ะป๋าก็เหมือนเดิมเก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ตามลงไปเฝ้าที่ริมสระเหมือนเดิม

  
เด็กๆ กับสระว่ายน้ำเนี่ย..เรียกได้ว่าเป็นของคู่กันอย่างแยกไม่ขาดเลยทีเดียว

ค่ำวันนี้พากันออกไปหาอะไรกินกันเป็นอาหารเย็นที่ท่าม่วง ชื่อร้านอะไรผมก็จะไม่ได้แล้วเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะจดจำอะไรแล้ว ทั้งหิวทั้งง่วง กินอิ่มอยากล้มตัวลงนอนนอนเต็มที่เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน หมดวันนี้แบบสะบักสะบอมหลับเป็นตายเลยตรู

เช้าวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ตื่นมาตั้งแต่ 7 โมงเด็กสองคนลงสระว่ายน้ำกันอีกแล้ว เช้านี้ป๊ะป๋าไม่ลงไปเฝ้าปล่อยให้เล่นกันไปจน 8 โมงครึ่งก็ออกไปที่ระเบียงหลังห้องเรียกให้ขึ้นมาได้แล้วจะได้ไปทานอาหารเช้ากัน เพราะกว่าจะอาบน้ำแต่งตัว จะได้เตรียมเก็บเสื้อผ้าแว่นตา กางเกงว่ายน้ำให้เรียบร้อย เพราะวันนี้พวกเราจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว เดี๋ยวลองลงไปดูที่หาดทรายส่วนตัวของที่นี่กัน

 
นั่นไงล่ะ ลงสระว่ายน้ำกันตั้งแต่เช้ากันเลย

  
บริเวณสวนหย่อมของรีสอร์ท อยู่บริเวณหาดทรายส่วนตัว..มีน้ำตกเล็กๆ ตรงนี้ด้วยนะ

 

 
สองคนนี่..เค้าเล่นอะไรกันอยู่นะ..?

 
ทิ้งท้ายด้วยวิวอ่างเก็บน้ำก็แล้วกัน..

ออกจากรีสอร์ทได้ก็แวะส่งพี่บอลที่ท่าม่วง แล้วก็แวะซื้อส่าหริ่มและของฝากที่โรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ เค้ามีศูนย์อาหารด้วยนะ มีให้เลือกกินมากมายหลายหลาก ที่จอดรถมากมายสะดวกสบายจริงๆ  ขนมส่าหริ่มของเค้าคุยไว้ว่าเก็บไว้ได้ถึง 5 วันแต่ต้องไม่ใส่ตู้เย็นนะ ผมลองชิมแล้วอร่อยจริง คอนเฟิร์ม แต่ไม่รู้ว่าเก็บไว้ 5 วันจริงหรือเปล่า? เพราะมันหมดซะก่อนจะถึง 5 วันนะซิ..

จากนั้นออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไม่ได้แวะที่ไหนอีกเลยจนถึงบ้านที่บางกะปิในเวลาประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง โดยสวัสดิภาพปลอดภัยเหมือนเคย ตราบใดที่เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ขอให้ทุกท่านเที่ยวสนุก มีเงินใช้ไม่ขาดมือทุกคนนะครับ

ขอบคุณครับ..

>> คลิ๊กไปดูตอนที่ 1 << || >> คลิ๊กไปดูตอนที่ 2 << || >> คลิ๊กไปดูตอนจบ <<

 

เขียนเมื่อ : วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2554 เวลา 20:05 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass