วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

ผ่านไปแล้ว .. กับ Biker Party .. มาดูบรรยากาศของงานวันนั้นกันนะ ..

ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ กับ Motorcycle Madness เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24/9/53) ขอบอกว่า มีภาพให้ชมเยอะมากกกกก .. เพราะรถที่มาร่วมงานกว่า 200 คันนั้น ไม่ไหวจะถ่ายให้ครบได้จริงๆ เลยได้มาแค่บางส่วนเท่านั้น สำหรับใครที่พลาดงานนี้ บอกได้คำเดียวว่า คุณพลาดเสียแล้ว สำหรับคนรัก Motorcycle แล้วงานนี้สนุกสุดคุ้มเหลือหลาย ไปดูรายละเอียดกันนะ

งานนี้มีเหล่าบรรดาพี่น้องชาว Biker นำรถมาร่วมแสดงในงานนี้ร่วม 200 คัน ทำเอาพื้นที่บริเวณด้านหน้าและชั้นล่างของโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท ดูคับแคบลงไปถนัดตา มีร้านค้าของที่ระลึกจากแบรนด์ชั้นนำของโลก มีร้านอุปกรณ์ตกแต่งมาเปิดร้านโชว์ทั้งโช้คอัพ ล้อแม็กซ์และอุปกรณ์เสริมสำหรับรถอันเป็นที่รักของท่านมากมายหลายหลากให้ได้เลือกชมเลือกซื้อหากันได้ในราคาพิเศษสุด


สวยอ่ะ .. คันนี้ ..


เอ๊ะ .. !! .. นั่นอะไร ..?


แบบยาวๆ กันไป .. เวลาขับ .. เค้าจะเมื่อยไม๊หนอ ..?


เทพแห่ง Big  Bike .. ฝันของใครหลายๆ คน ..


หืมมมม .. Big Bike รุ่นนี้ .. มีตะกร้าหน้ารถด้วยเหรอ .. - - '

และตามสัญญา พบกับการแสดงสดของวง”ทอย” กับแนวเพลงเพลงฮาร์ดร๊อคหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงดังอันเป็นตำนานคลาสสิคร็อคอย่าง Highway Star ของ Deep Purple, Rock bottom ของ UFO หรือจะเป็นเพลง Money for Nothing จาก Mark Knoflers & Dire Strait และเพลงอื่นๆ ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีอีกมากมายหลากหลายบรรยายไม่หมด กระชากวิญญาณความเป็นคนชาวร็อคให้ทะลัก ปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ของชาว Biker ให้โลดแล่นล่องลอยไปกับความมันส์ของบทเพลง


การแสดงสดของ วง”ทอย” .. เสียดายเก็บมาได้ไม่มาก .. ประชากรหนาแน่น ไม่ไหวจะเบียด ..


วงโปรดของเหล่าชาว Biker .. ที่มาร่วมบรรเลงในงานนี้ด้วย .. ไม่ใช่วงป๋มนะคร๊าบบ .. เค้ามาเล่นโชว์ให้ดู .. ส่วนพวกเรา .. โจ๊ะกันอย่างเดียวจ้ะ ..

มีการแจกรางวัลสำหรับ Mr. & Miss Motorcycle โดยเป็นบัตรกำนัลห้องพักพร้อมอาหารเช้าที่โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท ให้กับผู้ชนะทั้งสองท่าน พร้อมกับมอบของที่ระลึกสำหรับทุกท่านที่ออกมาร่วมสนุกเล่นเกมและทำกิจกรรมกับเราอีกด้วย

จากตรงนี้ .. เราชมภาพบรรยากาศในงานกันดีกว่า ..


เฮ้ยยยย .. นี่มันใครหว่า ..? ตกใจแทบแย่ .. (แซวเล่นนะ .. ฮี่ๆๆๆ ..)


กัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ จาก Pirate of the carribean ก็มาด้วยนะเออ ..


แล้วพวกแกเป็นใครล่ะเนี่ย ..? (หนูไม่รู้ .. หนูมากินฟรีอย่างเดียว ..)


น้องๆ Coyote สวยแสนสวย .. (ไอ่คนใส่หมวกไม่เกี่ยวเน้อ ..)


สาวสวย .. กับผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน ..


เฮ้ยยยย ๆๆๆๆ .. นั่น ๆๆๆ .. ดูมานดิ .. ทำเนียนซะ ..(อิจฉา ๆๆๆๆ .. )


นั่งดื่ม .. สังสรรค์กันไปแบบสบายๆ .. แต่ได้อรรถรสของความมันส์ ..

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณชาว Biker ทุกท่านที่มาร่วมแสดงพลังกันในงานนี้ ทั้งๆ ที่เช้าวันนี้ต้องเดินทางไปปราจีณบุรีกันแต่เช้าเพื่อร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมของชมรมอีกด้วย ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดภัยทุกคันเลยนะ ขอบคุณร้านค้าต่างๆ ที่ร่วมออกร้านในงานนี้ ขอบคุณทุกๆ ผลิตภัณฑ์ ทุกบริษัทที่ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด เราชาว Henry J.Bean’s และ Amari Watergate Hotel ทุกคนของแสดงความขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจชมภาพเพิ่มเติม ก็ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ไปชมกันต่อได้ที่ ..
https://plus.google.com/photos/103736898918551133698/albums/5861548802095958401

 

เขียนเมื่อ : วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ.2553 เวลา 10:37 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

น้องชาย D5000 .. ได้เวลา maintenance ก่อนหมดประกัน ..

เกือบจะครบปีในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนี่นา ก็เลยพาน้องชาย D5000 คนเก่งไป maintenance เพื่อตรวจซ่อมบำรุงก่อนที่จะหมดระยะประกันในวันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ.2553 นี้แล้ว และตั้งใจว่าจะเข้าไปให้ช่างที่ศูนย์ NIKS เปลี่ยน Focusing Screen ที่เป็นรอยมากมายจากความมือบอน แสดงการอวดรู้มากในเรื่องโง่ๆ ของผมเอง (อ้างอิงจากลิ้งค์นี้ บทเรียนราคาแพง..มือบอนดีนัก.. ที่ผมเขียนไว้เมื่อหลายเดือนก่อน) และก็เข้าตรวจเช็คอาการชัตเตอร์ลั่นไป 2-3 ภาพ ทั้งที่ตั้งโหมด Single Shot รวมถึงล้างทำความสะอาดฝุ่นที่ CMOS และช่องมองภาพด้วยพร้อมกันไปเลยทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงาน Motorcycle Madness ครั้งที่ 3 ที่จะจัดขึ้นที่ Henry J.Bean’s ชั้นล่างโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท ประตูน้ำ จะเป็นงานที่รวมพลพรรคคนรักมอเตอร์ไซค์ Big Bike นำรถมาโชว์การตกแต่งอย่างสวยงามให้ได้ชมเป็นขวัญตา


สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพื่อสิทธิประโยชน์ของคุณเอง .. ใบรับประกันนั่นเอง ..

หาเวลาว่างๆ ได้ในวันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ.2553 เลยรีบออกจากบ้านตั้งแต่ 11 โมงครึ่ง เพื่อขับรถไปจอดที่ลานจอดรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (Park & Go) ที่สถานีลาดพร้าว เพื่อจะโดยสารรถไฟฟ้าไปขึ้นที่สถานีสีลม ขอบอกไม่ช้าเลยสำหรับเวลา 20 นาทีเท่านั้น ประหยัดเวลาไปได้เยอะมากกกกกก ไปถึงสีลมตั้งแต่ยังไม่บ่ายโมง เลยเดินกินลมชมวิว ตากแดดหัวแดงตัวดำไปตามถนนสีลม จนถึงแยกตัดถนนนราธิวาสฯ เพื่อข้ามถนนมุ่งหน้าสู่ซอยสีลม12 อันเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการใหญ่ของ NIKS THAILAND

ยังหวั่นๆ จากคำบอกเล่าต่างๆ นาๆ จาก user ในเวบบอร์ดเรื่องกล้องหลายๆ แห่ง แต่จากการที่เคยเข้าศูนย์นี้มาครั้งหนึ่งเมื่อช่วงเดือนแรกๆ หลังจากซื้อกล้องตัวนี้ ก็ได้รับบริการที่น่าพึงพอใจในระดับมาตรฐานที่ศูนย์บริการควรจะเป็น มาครั้งนี้ก็ยังคงให้ความรู้สึกหวั่นๆ เพราะคงรับข้อมูลมาจากเวบบอร์ดซะเยอะ เลยรู้สึกไปเองซะมากกว่า ทั้งๆ ที่พี่ๆ ในศูนย์ที่รับเครื่องซ่อมก็ให้บริการได้ดีตามที่ควรจะเป็น

ผมแจ้งข้อมูลและปัญหาต่างๆ ที่พบ พี่เจ้าหน้าที่ที่รับเครื่องก็พยายามตรวจสอบปัญหาเบื้องต้น แล้วก็ทำ Job Description โดยระบุรายละเอียดที่ผมแจ้งทั้งหมดพร้อมระบุให้ช่างตรวจเช็คสภาพโดยรวมทั่วไปก่อนหมดประกัน และทำ remark ไว้ในใบ job เรื่องค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน Focusing Screen โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท มารับกล้องได้ในวันพรุ่งนี้บ่ายสองโมง พร้อมรับใบสั่งซ่อมมา 1 ใบจากนั้นก็กลับบ้านไปนอนรออย่างเดียว

 
ภาพจาก http://www.katzeyeoptics.com

ผมเคยคุยกับน้องในมัลติพลายคนนึง เรื่อง focusing screen ของ D60 ที่น้องเค้าโทรเข้าไปถามที่ศูนย์ NIKS นี่แหละ และบอกว่าชิ้นละ 2,000 กว่าบาท โอ้ววว .. แม่เจ้า .. ถ้ารวมค่าแรงอีกจะเท่าไหร่ว๊ะเนี่ย? เบ็ดเสร็จคงไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทแน่นอน เล่นเอาผมถอดใจยังไม่เปลี่ยน ไหนๆ ถ้าต้องเสียเงินตั้งสามพันอยู่แล้ว เลยลองไปเสาะหา screen ของ katzeyes มีรุ่นของผมกำลังจะออกมาพอดี (ในขณะนั้น) ราคาอยู่ที่ $105 US ตกก็ประมาณสามพันกว่าพอๆ กัน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้โอกาสสั่งซักที เพราะดูจากค่า shipping แล้วแพงขึ้นอีกเป็นพัน มาถึงแล้วถ้าโดนภาษีอีก คิดๆ แล้วสุทธิก็คงไม่หนีห้าหรือหกพันแน่ๆ ด้วยสภาพคล่องทางการเงินในขณะนั้นยังไม่เอื้ออำนวยให้ทำได้ดังหวัง จึงเปลี่ยนมาทำใจเวลามองเข้าไปใน view finder แล้วเห็นก็แกล้งทำไม่เห็นซะบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นรอยด่างในหัวใจอยู่ดี มาคราวนี้เลยได้โอกาสเปลี่ยนไปซะเลย ตั้งงบไว้ในใจที่ประมาณไม่เกิน 3,000 บาท (เค้าว่าของหนอนแค่ 300 กว่าบาทเอง แต่ใจมันรักนิคนี่นา ทำไงได้ล่ะ เฮ้อ ..) ถ้าเกินกว่านี้ ก็คงต้องปล่อยให้อยู่เป็นเพื่อนกันไปในยามเหงาเอาไปออกทริปด้วยแล้วกัน แต่ในเมื่อไม่เกินงบประมาณก็เลยจัดในสวยใสใหม่กิ๊กๆ กันไป (ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับน้องชาย D5000 ที่เคยบอกกันเอาว่าถ้ามีตังค์แล้วจะเปลี่ยนให้ .. พี่เปลี่ยนให้ใหม่แล้วนะเว๊ยยย)

 
ชิ้นเล็กนิดเดียวเอง .. แต่แพงระยับเลยเชียว .. ดูขนาดเทียบกับเหรียญ 1 บาท ..

วันถัดมา พฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ.2553 ได้เวลาไปตามนัดเพื่อรับน้องชายกลับบ้านเรา เดินทางด้วยวิธีเดิม สะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเงิน เวลาและพลังงาน ช่วยๆ เชียร์ให้มาใช้รถไฟฟ้ากันเยอะๆ ครับ ช่วยชาติ ช่วยเศรษกิจไทย ถึงที่หมายตรงเวลาเป๊ะๆ

รับตัวน้องชายมาทดสอบการทำงาน
ส่องเข้าไปดูที่ view finder หืมมมม .. ทำไมมันไม่ใสเลยหว่า .. อ้าว ลืมเปิดสวิตช์ โง่จริงเล๊ยเรา ..
กริ๊ก .. เงียบ เฮ้ยยยย .. ทำไมไม่ติดล่ะ ??!!??!! ..
ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ เมื่อวานนี้พี่เค้าถอดแบตให้เราเก็บไว้นี่หว่า กรูยังไม่ได้ใส่แบตแล้วมันจะติดได้ยังไงว๊ะ ..
ฮ่วยยย .. โง่ซ้ำสอง หน้าแตกไม่มีชิ้นดี หมอผีไม่รับเย็บ ..
เอาใหม่ๆ ตั้งสตินิดนึง เริ่มใหม่ใจเย็นๆ อย่าไปโชว์โง่ให้เค้าดูกันอีกนะ มันน่าอายนะว๊อย ..
ค่อยๆ เปิดกระเป๋า หยิบแบตขึ้นมา พลิกกล้องขึ้น เปิดฝาช่องใส่แบต ค่อยๆ บรรจงเอาแบตใส่เข้าไปในช่องปิดฝา กริ๊ก ..
โอเค เรียบร้อย เปิดสวิตช์อีกที กริ๊ก ..
อ้าว ใน view finder โชว์ตัว -E- ..
อ๋อ .. เรายังไม่ได้ใส่การ์ดนี่หว่า หยิบการ์ดจากกระเป๋าเอาขึ้นมาใส่
แตะชัตเตอร์ วื๊ดๆๆ .. ติ๊ด .. ใช้ได้ๆ
ลองยกกล้องขึ้นส่องกับไฟสว่างๆ โอเค ใสปิ๊ง
เปลี่ยนเป็น RAW แล้วกดถ่ายไปเรื่อยๆ ดูอาการชัตเตอร์ลั่นติดกัน ไม่มีอาการแล้ว (ก็แน่หล่ะ เดิมทีมันก็ไม่ได้เป็นตลอดเวลานี่ ต้องลองใช้ไปเรื่อยๆ ดูก่อนว่ายังมีอาการหรือไม่?)

  
อันนี้ใบเสร็จรับเงิน .. 1,000 บาท .. เลขกลมๆ จริงด้วย ..

เอาล่ะว๊ะ ยังไงๆ มันก็ใช้ได้ครบทุกระบบ ลบล้างมลทินที่เคยถูกย่ำยี เหลือไว้เพียงความใสกริ๊ง แลกกับแบงค์พัน 1 ใบ พร้อมรับใบเสร็จรับเงิน และเอกสารตรวจสอบคุณภาพการทำความสะอาด image Sensor ลงลายมือชื่อช่างที่ทำการตรวจเช็ค เลยถามถึงอะไหล่ที่เปลี่ยนไป พี่เค้าบอกว่าต้องแจ้งก่อนหากต้องการจะรับอะไหล่ที่เปลี่ยน ผมไม่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อวาน เลยถามว่าธรรมดาเปลี่ยนอะไหล่ก็น่าจะส่งอะไหล่เก่าคืนให้ลูกค้าด้วย เค้าเลยโทรไปบอกให้เอาลงมาให้เลยได้เจ้าชิ้นเล็กกลับบ้านมาให้ดูกัน โดยอธิบายสาเหตุว่าทาง NIKS THAILAND จะต้องรวบรวมอะไหล่เก่าที่เปลี่ยนแล้วทั้งหมดส่งโรงงานเพื่อทำลายเพราะมันเป็นขยะมีพิษ อันเป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อลดมลภาวะและช่วยรักษาสภาพแวดล้อม (งงนิดหน่อยเหมือนกัน ว่ามันเป็นขยะมีพิษตรงไหน? .. แต่ก็เออออไปด้วยตามนั้น)


อันนี้เป็นเอกสารตรวจสอบคุณภาพการทำความสะอาด Image Sensor

เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าจากการที่เข้าใช้บริการของศูนย์  NIKS สีลมทั้งสองครั้ง ก็ได้รับการบริการอย่างที่ควรเป็น ผมคิดว่าก็เป็นไปตามมาตรฐานศูนย์บริการนะ การตรวจเช็ค ซ่อมแซม แก้ไขก็โอเคดีครับ รวดเร็วดี วันเดียวก็ได้ใช้กล้องแล้ว เรื่องราคาก็คงจะแพงไปบ้าง แต่สำหรับผมแล้ว ก็นับว่ายังพอยอมรับได้ในระดับหนึ่ง หรือเพราะผมยังไม่มีเคสหนักๆ ก็ไม่รู้

ส่วนท่านใดที่รู้สึกว่าไม่ได้รับบริการที่ดี หรือสมควรที่น่าจะดีได้กว่านี้มันก็คงจะแล้วแต่ความรู้สึกและระดับการคาดหวังของแต่ละท่าน ซึ่งเรื่องแบบนี้ลางเนื้อชอบลางยาล่ะครับ แต่ถ้าถามผม สำหรับศูนย์ NIKS THAILAND ผมว่าสอบผ่านนะ แต่ถ้าจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้ามากๆ ขึ้นกว่านี้ก็จะดีไม่น้อย เพราะลูกค้าของ NIKON เป็นกลุ่มที่ Brand Royalty สูงมากอยู่แล้ว

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ.2553 เวลา 16:57 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass