วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

20130504-07 เขาโทนริเวอร์วิว รีสอร์ท ไทรโยค,กาญจนบุรี (ตอนจบ)

 

ตอนแรก | ตอนจบ

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่ดูหนังกันอยู่ กว่าจะจบก็ปาไปตีสอง เช้านี้เลยลากสังขารลุกขึ้นมาทานอาหารเช้ากันแบบสลึมสลือทั้งสามคน แต่ไม่มาทานก็เสียดายเพราะมันรวมอยู่ในเวาเชอร์ที่พักอยู่แล้ว สถานที่ทานอาหารอยู่ริมแม่น้ำ ทานอาหารเช้าไปก็ดูวิวแม่น้ำแควน้อยไปด้วย อิ่มแล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะพากันเดินลงไปบนแพพักชมสายน้ำไหลเย็นเห็นตัวปลา บรรยากาศน่านอนเล่นจริงๆ


จากศาลาอ่านหนังสือด้านบน เดินลงมาตามทางนี้ก็จะลงไปที่แพพักได้ครับ ..


แพกิจกรรม ..


ที่ยื่นออกไปไกลๆ ทั้งสองด้านเป็นส่วนของห้องพัก ..


เดินขึ้นบันไดนี้ / แล้วก็เดินขึ้นมาสู่ด้านบนอีกที ..

แล้วเด็กๆ ก็พากันเล่นน้ำอีกรอบ ส่วนผมไปเดินสำรวจส่วนที่เหลือต่อจากเมื่อวานที่มืดซะก่อน ได้ส่วนของสโมสรมีกิจกรรมสันทนาการ โต๊ะพูล ดื่มกินและดูเหมือนใช้เป็นที่รับรองแขก จัดประชุมสัมนาได้ด้วย มีบางส่วนที่กำลังก่อสร้างดัดแปลงเพิ่มเติม บางส่วนก็กำลังซ่อมแซมปรับปรุงภูมิทัศน์อยู่ก็มี


ส่วนของสโมสรครับ .. แม้จะอยู่ไกลในป่าริมแม่น้ำ แต่ไม่ขาดการติดต่อจากโลกภายนอกนะครับ จานดาวเทียมมีครบครัน ..


ส่วนด้านในครับ .. น่าจะเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้ง .. / ชิงช้าไม้ ..


เค้าตกแต่งต้นไม้เป็นตัวอะไรหว่า? / พร็อพประกอบฉาก สำหรับคนชอบถ่ายรูป (ตัวเอง) ..


สวนหย่อมด้านหน้ารีสอร์ท .. ตอไม้ตายซากแต่ละต้น .. คุณเอ๊ยยยย .. / วันนี้จะหาวัวที่ไหนมาเทียมเกวียนได้ล่ะ ..


อีกด้านหนึงครับ .. มีบ้านพักอีกเหมือนกัน .. / ลายไม้ที่สวนหย่อมครับ .. / อันนี้อยู่ตรงประตูทางเข้าที่พักส่วนใน ..

เที่ยงวันได้เวลาร่ำลาเขาโทนริเวอร์วิวรีสอร์ทกันเสียที เดินทางกลับเมืองกาญจน์แวะทานข้าวกลางวันในเขื่อนที่ท่าม่วงแล้วเข้าพักที่เดิม มนต์เสน่ห์ริเวอร์แควรีสอร์ท จะว่าไปแล้วเรามารีสอร์ทนี้ทุกปีจนเรียกได้ว่ารู้เหลี่ยมรู้มุม เห็นพัฒนาการตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีอะไรจนปรับเปลี่ยนใหม่หลายอย่าง แต่ที่แน่ๆ พระอาทิตย์ตกที่เหนือเขื่อนสวยมากๆ คงไม่มีอะไรจะรีวิวแล้วเพราะเขียนลงบล็อคไปหลายรอบแล้ว เอาเป็นว่าชมรูปภาพรวมๆ ไปก็แล้วกัน


ไปกันทุกทริปก็เพราะคนนี้คนเดียวเลยจริงๆ .. ต้องมีเที่ยวกันทุกซัมเมอร์เลย ..


พายเรือคายัคเล่นในทะเลสาบเหนือเขื่อน


เด็กกับสระว่ายน้ำเป็นของคู่กัน ..


คราวนี้ได้ห้องใกล้สระว่ายน้ำ .. โผล่หน้ามาก็เจอเลย ..


ลูกใครหว่า .. หน้าเหมือนป๊ะป๋าหรือเปล่า?


เดินไปด้านในของรีสอร์ท ก็จะพบกับภาพแบบนี้ครับ ..


ดวงอาทิตย์ตกที่เหนือเขื่อน .. นอนเล่นรับลมเย็นๆ อาบแสงสีทองอันอบอุ่น ..

ร่ำลากับทริปนี้ด้วยภาพพระอาทิตย์ตกเหนือเขื่อนภาพนี้ก็แล้วกันนะครับ ดีใจที่ติดตามอ่านกันมาตลอด โพสหน้าจะขยันกว่านี้ สัญญาว่าจะกลับมาเขียนด้วยภาษาลีลาแบบที่คุ้นเคย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

ไปดูรูปทริปนี้ครับ

ตอนแรก | ตอนจบ

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2556 เวลา 01:36 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass

20130504-07 เขาโทนริเวอร์วิว รีสอร์ท ไทรโยค,กาญจนบุรี (ตอนแรก)

 

ตอนแรก | ตอนจบ

ออกเดินทางกันอีกครั้งกับทริปนี้ กาญจนบุรีที่รัก ใกล้แค่นี้ไปเที่ยวได้บ่อยๆ เป็นจังหวัดสุดแดนตะวันตกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกตามรสนิยม และที่สำคัญกำลังเปิดช่องทางผ่านแดนถาวรเพื่อต้อนรับ AEC เมืองกาญจน์จะกลายเป็น Hub ทาง Logistic ที่สำคัญ เป็นเมืองหน้าด่านขนส่งสินค้าที่ข้ามผ่านจากฝั่งตะวันออกเพื่อเข้าสู่ตะวันตก ความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจและการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างชาติที่จะเข้ามาผสานผสมกลมกลืนในพื้นที่ จะเป็นตัวเร่งให้จังหวัดชายขอบแห่งนี้กลายเป็นจังหวัดที่มั่งคั่งและเจริญสูงสุดในไม่ช้านานนี้อย่างแน่นอน

จะมาพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกลับพาออกนอกเรื่องไปไกลสู่อาเซี่ยนซะแล้ว กลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า

ทริปนี้เดินทางเมื่อวันที่ 4-7 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ออกเดินทางกันแต่เช้าๆ หน่อย ใช้เส้นทางเดิมที่คุ้นเคยแต่วันนี้โชคไม่ค่อยดี ใช้เวลากับรถติดอยู่ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงท่าม่วงก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง รับหลานพร้อมเสบียงกรังนิดหน่อยเสวนาทักทายกันตามประสาจนเกือบบ่ายสองก็รีบออกเดินทางเพราะระยะทางยังอีกไกลโขอยู่ ผ่านเมืองกาญจน์ถึงแยกแก่งเสี้ยนเลี้ยวขวาข้ามแม่น้ำแควมุ่งหน้าไทรโยค กว่าจะถึงรีสอร์ทก็สามโมงกว่า เข้าเช็คอินโดยพลันเพราะสมาชิกเห็นสระว่ายน้ำไม่ได้ เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวอยากโดดลงสระกันแย่แล้ว


ป้ายชื่อรีสอร์ท / ลานจอดรถ


ติดต่อห้องพัก เช็คอินกันที่นี่ก่อนครับ .. เดี๋ยวจะมีรถกอล์ฟมารับกระป๋าของพวกเราไปส่งที่บ้านพัก ..


อันนี้แขวนเอาไว้ตรงทางเข้าฟร้อนท์ .. ให้เอาไว้เคาะเรียกมั๊ง / ตะเกียงไฟฟ้า .. ความกลมกลืนทางเทคโนโลยี .. 555+ / สิ่งก่อสร้างเน้นใช้ไม้เก่าเป็นหลัก ..


ผ่านประตูนี้เข้าสู่ส่วนของที่พักด้านใน ..


สลักล็อคประตู .. คลาสสิคมากๆ .. จุดนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ ..


ประตูทำจากไม้เก่าเอามาประกอบกัน .. / เข้าประตูมาก็เดินต่อไปตามทางนี้แหละ ..


บ้านพักของผมไปทางขวาครับ .. / ถ้าตรงเข้าซุ้มประตูไปก็จะเจอสระว่ายน้ำอยู่ทางขวา .. ตรงต่อไปอีกหน่อยก็ห้องอาหารของรีสอร์ท ..


มีแผนที่ครับ .. ไม่ต้องกลัวหลง ..

แฮ่ๆๆ ให้ภาพเล่าเรื่องอย่างเดียวเลย นี่มันออกแนวขี้เกียจเขียนบรรยายนะเนี่ย .. ขออภัยอย่างแร๊งส์ ..

เอาล่ะกลับมาเขียนต่อแล้วคร๊าบบบ .. หลังจากผ่านประตูสู่อาเซี่ยน เอ๊ย .. ประตูสู่ธรรมชาติก็มุ่งหน้าเข้าที่พักที่อยู่เรียงรายด้านข้างตลอดแนวของสระว่ายน้ำ ถ้าเลยจากส่วนนี้ลงไปก็จะเป็นที่พักในส่วนของห้องพักในแพริมน้ำ นอนฟังเสียงแม่น้ำแควน้อยไหลอ่อยๆ ช่วยขับกล่อมให้หลับไหลได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกโซนจะเป็นแนวๆ เมาเท่นวิวซะมากกว่าเพราะอยู่ด้านหน้าแถวๆ ลานจอดรถโน่นแน่ะ

เข้าห้องพักสิ่งแรกที่ทำก็คือใช้สัญชาตญาณสัมผัสว่ามีพลังงานลึกลับหรือไม่ แล้วสัมผัสของผมก็ impact อย่างแรงกับพลังงานลึกลับที่เกิดจากแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่สาดส่องโดยตรงเข้ากับผนังห้องพักจนทำให้เครื่องปรับอากาศที่เปิดจน 15 อาศาก็ยังเหมือนไม่เกิดมรรคผลอันใด โอ้โห .. ร้อนสุดๆ ครับ ผนังเก็บกักความร้อนจากตลอดช่วงบ่าย ห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังไม่ต่างจากเตาอบดีๆ นี่เอง ได้อาบน้ำอุ่นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเลยสักนิด


บ้านพักของผมครับ .. โดนแดดช่วงบ่ายส่องเข้าเต็มๆ .. ร้อนระอุเลยครับ ..


ออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน .. อากาศยังเย็นกว่าข้างในที่เปิดแอร์ไว้ซะอีก ..


ด้านหลังทีวีนั่นแหละครับที่รับแดดเต็มๆ ตั้งแต่บ่ายเลย .. / ควีนไซส์ครับ .. นอนกันสามคน เด็กสอง ผู้ใหญ่หนึ่ง .. 555+

จัดการส่งเจ้าเด็กสองคนไปลงสระกันก่อน ผมก็เริ่มออกเดินสำรวจสถานที่ทันที เผื่อจะได้หามุมเก็บภาพรีสอร์ทมาฝากเพื่อนๆ ในบล็อค สังเกตเห็นตอไม้ใหญ่ตายซากขนาคประมาณ 4-5 คนโอบวางเป็นพร็อพไว้ทั่วรีสอร์ท เห็นแค่รากก็ใหญ่โตขนาดนี้แล้วต้นมันจะสูงใหญ่ขนาดไหนกันนะ เดินไปด้วยกันเลยครับ


เดินเล่นถ่ายนี่โน่นนั่นจนใกล้หกโมงเย็น .. หันไปเห็นเมฆสวยๆ เลยเก็บภาพมาฝากกัน ..


กลุ่มนี้มาไกลจากอ่างทองเลยนะ .. / เห็นรถแนวๆ นี้ .. มันดูเท่ห์ไม่เหมือนใครดี ..


ร่องรอยที่บ่งบอกว่าข้ามันขาลุยจริงๆ .. ไม่ได้มีไว้โชว์เฉยๆ นะเว๊ย ..


สิ่งสำคัญสำหรับรถแนวลุยแบบกลุ่มนี้ ..


เดินดูรอบๆ ครับ ..

แล้วจากนั้นก็เข้าสู่โหมดกลางคืนครับ หลังจากดินเนอร์จากเสบียงที่เตรียมมาจากเมืองกาญจน์กันจนอิ่มหมีพีมันถ้วนหน้าแล้ว ผมก็ออกไปเดินย่อยอาหารซักหน่อย บรรยากาศกลางคืนมีไฟสลัวเป็นระยะห่างๆ กัน มีไฟราวประดับที่สะพานเชือก กับเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ถ้าอยู่คนเดียวสติผมคงกระเจิดกระเจิงไปแล้วเพราะมันชวนให้จินตนาการผ่านความมืดรวมกับแสงไฟวับแวมๆ ให้เห็นเป็นอะไรต่ออะไรให้ชวนสยอง แต่ดีที่วันนี้มีลูกค้าหลายครอบครัวที่เข้าพักในคืนนี้ ทำให้ครึกครื้นขนาดดึกดื่นยังมากระโดดน้ำเล่นกันโครมคราม

 
ห้องอาหารครับ .. ตอนเช้าเราจะมาทานอาหารเช้ากันที่นี่แหละครับ ..

 
ไฟราวที่ประดับอยู่บนสะพานเชือก .. มีศาลานั่งอ่านหนังสือเล่น .. ถัดลงไปก็เป็นทางเดินลงไปสู่แพพักริมน้ำ ..


จะมีสักคนไหม? .. ที่มาเป็นอัศวินม้าไม้ ..


ลองเล่นซะหน่อย ..

ยกยอดไปโพสหน้าบ้างนะ รูปเยอะไปมันจะโหลดช้า ติดตามตอนต่อไปดีกว่าครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดครับ

ไปดูรูปทริปนี้ครับ

ตอนแรก | ตอนจบ

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2556 เวลา 00:32 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass