วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

20130504-07 เขาโทนริเวอร์วิว รีสอร์ท ไทรโยค,กาญจนบุรี (ตอนแรก)

 

ตอนแรก | ตอนจบ

ออกเดินทางกันอีกครั้งกับทริปนี้ กาญจนบุรีที่รัก ใกล้แค่นี้ไปเที่ยวได้บ่อยๆ เป็นจังหวัดสุดแดนตะวันตกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกตามรสนิยม และที่สำคัญกำลังเปิดช่องทางผ่านแดนถาวรเพื่อต้อนรับ AEC เมืองกาญจน์จะกลายเป็น Hub ทาง Logistic ที่สำคัญ เป็นเมืองหน้าด่านขนส่งสินค้าที่ข้ามผ่านจากฝั่งตะวันออกเพื่อเข้าสู่ตะวันตก ความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจและการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างชาติที่จะเข้ามาผสานผสมกลมกลืนในพื้นที่ จะเป็นตัวเร่งให้จังหวัดชายขอบแห่งนี้กลายเป็นจังหวัดที่มั่งคั่งและเจริญสูงสุดในไม่ช้านานนี้อย่างแน่นอน

จะมาพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกลับพาออกนอกเรื่องไปไกลสู่อาเซี่ยนซะแล้ว กลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า

ทริปนี้เดินทางเมื่อวันที่ 4-7 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ออกเดินทางกันแต่เช้าๆ หน่อย ใช้เส้นทางเดิมที่คุ้นเคยแต่วันนี้โชคไม่ค่อยดี ใช้เวลากับรถติดอยู่ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงท่าม่วงก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง รับหลานพร้อมเสบียงกรังนิดหน่อยเสวนาทักทายกันตามประสาจนเกือบบ่ายสองก็รีบออกเดินทางเพราะระยะทางยังอีกไกลโขอยู่ ผ่านเมืองกาญจน์ถึงแยกแก่งเสี้ยนเลี้ยวขวาข้ามแม่น้ำแควมุ่งหน้าไทรโยค กว่าจะถึงรีสอร์ทก็สามโมงกว่า เข้าเช็คอินโดยพลันเพราะสมาชิกเห็นสระว่ายน้ำไม่ได้ เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวอยากโดดลงสระกันแย่แล้ว


ป้ายชื่อรีสอร์ท / ลานจอดรถ


ติดต่อห้องพัก เช็คอินกันที่นี่ก่อนครับ .. เดี๋ยวจะมีรถกอล์ฟมารับกระป๋าของพวกเราไปส่งที่บ้านพัก ..


อันนี้แขวนเอาไว้ตรงทางเข้าฟร้อนท์ .. ให้เอาไว้เคาะเรียกมั๊ง / ตะเกียงไฟฟ้า .. ความกลมกลืนทางเทคโนโลยี .. 555+ / สิ่งก่อสร้างเน้นใช้ไม้เก่าเป็นหลัก ..


ผ่านประตูนี้เข้าสู่ส่วนของที่พักด้านใน ..


สลักล็อคประตู .. คลาสสิคมากๆ .. จุดนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ ..


ประตูทำจากไม้เก่าเอามาประกอบกัน .. / เข้าประตูมาก็เดินต่อไปตามทางนี้แหละ ..


บ้านพักของผมไปทางขวาครับ .. / ถ้าตรงเข้าซุ้มประตูไปก็จะเจอสระว่ายน้ำอยู่ทางขวา .. ตรงต่อไปอีกหน่อยก็ห้องอาหารของรีสอร์ท ..


มีแผนที่ครับ .. ไม่ต้องกลัวหลง ..

แฮ่ๆๆ ให้ภาพเล่าเรื่องอย่างเดียวเลย นี่มันออกแนวขี้เกียจเขียนบรรยายนะเนี่ย .. ขออภัยอย่างแร๊งส์ ..

เอาล่ะกลับมาเขียนต่อแล้วคร๊าบบบ .. หลังจากผ่านประตูสู่อาเซี่ยน เอ๊ย .. ประตูสู่ธรรมชาติก็มุ่งหน้าเข้าที่พักที่อยู่เรียงรายด้านข้างตลอดแนวของสระว่ายน้ำ ถ้าเลยจากส่วนนี้ลงไปก็จะเป็นที่พักในส่วนของห้องพักในแพริมน้ำ นอนฟังเสียงแม่น้ำแควน้อยไหลอ่อยๆ ช่วยขับกล่อมให้หลับไหลได้เป็นอย่างดี ส่วนอีกโซนจะเป็นแนวๆ เมาเท่นวิวซะมากกว่าเพราะอยู่ด้านหน้าแถวๆ ลานจอดรถโน่นแน่ะ

เข้าห้องพักสิ่งแรกที่ทำก็คือใช้สัญชาตญาณสัมผัสว่ามีพลังงานลึกลับหรือไม่ แล้วสัมผัสของผมก็ impact อย่างแรงกับพลังงานลึกลับที่เกิดจากแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่สาดส่องโดยตรงเข้ากับผนังห้องพักจนทำให้เครื่องปรับอากาศที่เปิดจน 15 อาศาก็ยังเหมือนไม่เกิดมรรคผลอันใด โอ้โห .. ร้อนสุดๆ ครับ ผนังเก็บกักความร้อนจากตลอดช่วงบ่าย ห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังไม่ต่างจากเตาอบดีๆ นี่เอง ได้อาบน้ำอุ่นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเลยสักนิด


บ้านพักของผมครับ .. โดนแดดช่วงบ่ายส่องเข้าเต็มๆ .. ร้อนระอุเลยครับ ..


ออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน .. อากาศยังเย็นกว่าข้างในที่เปิดแอร์ไว้ซะอีก ..


ด้านหลังทีวีนั่นแหละครับที่รับแดดเต็มๆ ตั้งแต่บ่ายเลย .. / ควีนไซส์ครับ .. นอนกันสามคน เด็กสอง ผู้ใหญ่หนึ่ง .. 555+

จัดการส่งเจ้าเด็กสองคนไปลงสระกันก่อน ผมก็เริ่มออกเดินสำรวจสถานที่ทันที เผื่อจะได้หามุมเก็บภาพรีสอร์ทมาฝากเพื่อนๆ ในบล็อค สังเกตเห็นตอไม้ใหญ่ตายซากขนาคประมาณ 4-5 คนโอบวางเป็นพร็อพไว้ทั่วรีสอร์ท เห็นแค่รากก็ใหญ่โตขนาดนี้แล้วต้นมันจะสูงใหญ่ขนาดไหนกันนะ เดินไปด้วยกันเลยครับ


เดินเล่นถ่ายนี่โน่นนั่นจนใกล้หกโมงเย็น .. หันไปเห็นเมฆสวยๆ เลยเก็บภาพมาฝากกัน ..


กลุ่มนี้มาไกลจากอ่างทองเลยนะ .. / เห็นรถแนวๆ นี้ .. มันดูเท่ห์ไม่เหมือนใครดี ..


ร่องรอยที่บ่งบอกว่าข้ามันขาลุยจริงๆ .. ไม่ได้มีไว้โชว์เฉยๆ นะเว๊ย ..


สิ่งสำคัญสำหรับรถแนวลุยแบบกลุ่มนี้ ..


เดินดูรอบๆ ครับ ..

แล้วจากนั้นก็เข้าสู่โหมดกลางคืนครับ หลังจากดินเนอร์จากเสบียงที่เตรียมมาจากเมืองกาญจน์กันจนอิ่มหมีพีมันถ้วนหน้าแล้ว ผมก็ออกไปเดินย่อยอาหารซักหน่อย บรรยากาศกลางคืนมีไฟสลัวเป็นระยะห่างๆ กัน มีไฟราวประดับที่สะพานเชือก กับเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ถ้าอยู่คนเดียวสติผมคงกระเจิดกระเจิงไปแล้วเพราะมันชวนให้จินตนาการผ่านความมืดรวมกับแสงไฟวับแวมๆ ให้เห็นเป็นอะไรต่ออะไรให้ชวนสยอง แต่ดีที่วันนี้มีลูกค้าหลายครอบครัวที่เข้าพักในคืนนี้ ทำให้ครึกครื้นขนาดดึกดื่นยังมากระโดดน้ำเล่นกันโครมคราม

 
ห้องอาหารครับ .. ตอนเช้าเราจะมาทานอาหารเช้ากันที่นี่แหละครับ ..

 
ไฟราวที่ประดับอยู่บนสะพานเชือก .. มีศาลานั่งอ่านหนังสือเล่น .. ถัดลงไปก็เป็นทางเดินลงไปสู่แพพักริมน้ำ ..


จะมีสักคนไหม? .. ที่มาเป็นอัศวินม้าไม้ ..


ลองเล่นซะหน่อย ..

ยกยอดไปโพสหน้าบ้างนะ รูปเยอะไปมันจะโหลดช้า ติดตามตอนต่อไปดีกว่าครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดครับ

ไปดูรูปทริปนี้ครับ

ตอนแรก | ตอนจบ

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2556 เวลา 00:32 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น