ภาพด้านหน้าของอาคารรูปลูกบาศก์ ..
สัญญากับเอแคลร์ไว้ตั้งแต่ไปเที่ยวครั้งแรกว่าจะพากลับไปเที่ยวอีกครั้ง เมื่อชั้น 6 ที่ปิดปรับปรุงอยู่ขณะนั้นเปิดให้เข้าชมได้ นี่ก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ชั้น 6 ก็เปิดมาเป็นปีแล้วก็ยังหาเวลาพาไปชมไม่ได้ ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนที่แล้วก็ขับไปจนถึงแล้วแต่สงสัยว่าทำไมถึงไม่มีคนเลย เห็นแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เลยจอดรถถาม ก็ได้ความกระจ่างว่า พิพิธภัณฑ์ปิดวันจันทร์นะจ๊ะ ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าพิพิธภัณฑ์แทบทุกที่ส่วนมากจะปิดในวันจันทร์ เสียเที่ยวเลยแต่ทำยังไงได้ล่ะก็กว่าหยุดพร้อมๆ กันได้เนอะ
มาคราวนี้ไม่พลาดแล้ว ไปลุยกันสองคนพ่อลูก สัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะขนาดนี้แล้วจะไม่พาไปก็คงจะกลายเป็นคนผิดคำพูดซะเปล่าๆ ฤกษ์งามยามดีเวลาสิบโมงสามสิบนาทีของวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 ออกเดินทางกันโดยน้องแจ๊ส พาวิ่งตามถนนเสรีไทยไปขึ้นถนนวงแหวนตะวันออกมุ่งหน้าทางออกลำลูกกา แล้วตรงดิ่งวิ่งเลาะตามทางขนานเลียบถนนวงแหวนตะวันออกเพื่อเลี่ยงด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ไปออกข้างวัดแถวๆ คลองห้า บนถนนรังสิต-นครนายก เลี้ยวซ้ายไปกลับรถวิ่งผ่านถนนวงแหวนอีกครั้ง พอข้ามสะพานเลี้ยวซ้ายอีกทีแบบยูเทิร์นวิ่งเข้าไปตามถนนเลียบคลองห้า ไปตามทางจนถึงเทคโนธานีอยู่ด้านขวามือ เลี้ยวเข้าไปได้เลยครับ ข้างในเกือบสุดจะเป็นวงเวียน ใช้ทางออกแรก แล้วไปตามทางเลี้ยวซ้ายอีกที ตรงไปจะเห็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อยู่ทางขวามือครับ ที่นี่มีชื่อภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการซะโก้หรูว่า National Science Museum (NSM)
วันนี้ผู้คนดูหนาตามากๆ เหมือนว่าจะมีกลุ่มเด็กนักเรียนตัวน้อยมาทัศนศึกษากันด้วย ส่วนเด็กโตหน่อยระดับมัธยมก็เห็นมีมาเดินเที่ยวเล่นกันที่นี่เยอะแยะเช่นกัน ทำให้รู้สึกว่า เด็กสมัยนี้เค้าไม่ต้องไปเดินเที่ยวห้างโน้นนี้ให้เสียเงินเสียทองมากมาย มาเที่ยวที่นี่สำหรับเด็กไม่เสียค่าเข้าชมนะ และก็ยังมีผู้ปกครองพาลูกหลานมาเที่ยวชมกันจนที่จอดรถเกือบเต็มทุกช่องทั้งที่มีที่จอดนับร้อยคัน เป็นการส่งเสริมให้เด็กได้ใช้เวลาว่างมาหาความรู้เพิ่มเติม รู้สึกว่ายังมีหวังได้เห็นเยาวชนของชาติในรุ่นต่อไปมีความรู้ความคิด ที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ยุค IT อย่างเท่าทันเพื่อนบ้าน
บัตรเข้าชมครับ .. สำหรับผู้ใหญ่ เป็นบัตรชุดราคา 100 บาท ..
มาถึงสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว เลยเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งที่คุณย่าใส่รถมาเพื่อเป็นเสบียงยามเดินทาง ออกมาให้เอแคลร์กินซะให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินชมพิพิธภัณฑ์ อิ่มหนำสำราญกันดีโดยไม่ต้องเสียค่าข้าวค่าน้ำ ก็ได้เวลาต้องเข้าไปซื้อบัตรของผมกันก่อนเป็นบัตรชุดราคา 100 บาทเข้าชมได้ทั้งสามอาคาร ส่วนของเอแคลร์ไม่เก็บค่าเข้าชมครับ หลังจากนั้นเราสองคนก็เริ่มเดินเข้าสู่โลกแห่งวิทยาศาสตร์และธรรมชาติวิทยา เป็นแหล่งศึกษาหาข้อมูลความรู้ที่ดีมากมาย ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ไปเดินดูก็ได้รู้ได้เห็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนหรือบางสิ่งบางอย่างที่เราหลงลืมไปบ้างแล้ว ช่วยให้เราได้ฉุดกระชากลากวัยให้เกิดความรู้สึกรำลึกถึงความสุขในวัยเยาว์กับการย้อนเวลากลับไปสู่โลกแห่งจินตนาการของวัยเด็กได้อีกครั้งเลยเชียวล่ะ
อาคารหลักที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สองลูกต่อกันด้านในแบ่งเป็น 6 ชั้น แต่ละชั้นก็จะแยกเป็นเรื่องต่างๆ แต่ต้องขออภัยอย่างสูงที่ไม่ได้จดบันทึกรายละเอียดของแต่ละชั้นมาถ่ายทอดให้ได้ เพราะไปกันสองคนพ่อลูกต้องคอยดูเอแคลร์ด้วยไม่ให้เดินหายไปไหน เพราะเด็กๆ เยอะมากๆ แล้วก็ยังมีการจัดกิจกรรมการละเล่นและสันทนาการต่างๆ ให้กลุ่มเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาด้วย โดยให้มีการแข่งขันแบบ Walk Rally มีการให้หา RC ตามจุดต่างๆ ในแต่ละชั้นด้วย ครึกครื้นสนุกสนานน่ารักน่าเอ็นดูตามประสาเด็กๆ ก็เลยกลัวลูกเราจะมั่วนิ่มเข้าไปเล่นกับเค้าด้วยแล้วคลาดกันก็พลันจะแย่เอาน๊า ก็เลยต้องคอยจับคอยเรียกไว้เป็นระยะๆ เป็นเหตุให้ไม่ได้ข้อมูลมาฝากมากนักเพราะอาศัยจำๆๆๆๆ แล้วเอากลับมาเขียนเก็บไว้เท่าที่จำได้แค่นั้น
เป้าหมายจริงๆ ในครั้งนี้ก็คือจะมาดูชั้น 6 ที่ปิดปรับปรุงเมื่อต้นปีที่แล้วคราวที่มาครั้งแรกแต่ตอนนี้เปิดแล้ว เลยจะมาดูให้ชัดๆ ในส่วนของชั้นชั้น 6 นี้เค้าจัดแสดงเรื่องของเทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย เลยเดินกันอยู่ที่ชั้น 6 นี้นานหน่อย เพราะชั้นอื่นๆ เคยดูแล้ว เดี๋ยวลองดูภาพตามกันไปทีละชั้นเลยก็แล้วกันนะครับ
เริ่มกันที่ชั้น 1 .. เรื่อง .. อ่อ .. นึกไม่ออกครับ .. ลองดูเอาแล้วกันนะครับ ..
ระบบสุริยะ .. ไหนๆๆ ดูซิว่าโลกของเราอยู่ตรงไหนเอ่ย / ระบบ Hybrid ของรถยนต์ นำแสดงโดย TOYOTA PRIUS เอามาผ่าให้เห็นกันชัดๆ ไปเลย
แล้วก็ขึ้นมาต่อที่ชั้น 2 เรื่องการค้นพบ, โลกที่เปราะบาง
อยู่ที่ชั้น 1 ถ่ายกับป้ายซะหน่อย .. เอาไว้เป็นหลักฐาน .. / ป้าลูซี่ .. บรรพบุรุษของมนุษย์ .. / ทำไมต้องเดินผ่านท่อนี้เพื่อไปขึ้นชั้น 3 ด้วยน๊า ..
ต่อไปก็ชั้น 3 เรื่องของวิทยาศาสตร์พื้นฐาน, อุโมงค์พลังงาน, โรงภาพยนตร์
พลาสมา .. / พลังงานสะสมของสสารและโมเลกุล (ใช่หรือเปล่าหว่า?) / อุโมงค์พลังงาน ..
ในอุโมงค์พลังงาน .. มีการจำลองการสั่นของแผ่นดินไหว .. ยืนไปสั่นๆๆๆๆๆ ไปด้วย .. / กล้องตรวจจับรังสีความร้อน แถวๆ นี้มีเรื่องของแรงโน้มถ่วง, การทรงตัว, แรงเสียดทาน ฯลฯ
มาดูที่ชั้น 4 กันบ้าง .. เรื่องของโลกของเรา, สิ่งแวดล้อม, สิ่งก่อสร้างและโครงสร้าง, เกษตรกรรม
ขุดหาอะไรอยู่? ถ้าอยากรู้ต้องไปดูให้เห็นกับตาครับ .. / แอ็คท่าอยู่หน้าโลกของเรา .. ผ่าให้เห็นข้างในใจกลางโลก ..
สัตว์ประหลาดรีไซเคิล .. สร้างขึ้นจากขยะที่ไร้ประโยชน์ ..
แล้วก็มาถึงชั้น 5 เรื่องร่างกายของเรา, การคมนาคม, คุณภาพชีวิต, วิทยาศาสตร์ในบ้านและอนาคต
เดินวนๆ ก็เจอเครื่องบินลำนี้ .. เจ๋งดีแฮะ ..
ผ่าให้ดูกันชัดๆ .. ว่าในร่างกายของเรามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง ..?
ลองขับเครื่องบินกันไม๊ครับ? / หรือจะขอเป็นผู้โดยสารอย่างเดียวน่าจะดีกว่านะ ..
แล้วเราก็มาถึงชั้น 6 จนได้ ชั้นนี้จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย มาดูกันครับ
การแกะสลัก ..
วิถีชิวิตหน้าแล้ง / น้ำ
เครื่องปั้นดินเผา ..
ดูกันไปยาวๆ ครับ ..
ดินชนิดต่างๆ ที่เอามาทำเครื่องปั้นดินเผา ..
ดินขาว .. / ดินเทา ..
ดินแดง .. อุ๊ย งั้นก็จะขึ้นทางด่วนแล้วล่ะสิ .. คริคริ .. / ดินหินทนไฟ ..
คนไทยเรามีฝีมือในด้านการประดิดประดอย แม้เป็นข้าวของเครื่องใช้ประจำวันก็ไม่ได้ละเลยแม้สักนิด ..
เค้าเรียกอะไรผมก็ไม่ทราบครับ .. ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะ .. / อันนี้ด้วย ได้ยินแต่เสียง ไม่ทราบจุดประสงค์ของการผลิตที่แท้จริงว่าเอาไว้ทำอะไร .. ช่วยบอกด้วยนะ .. / เจอพี่เสือ อพวช. เลยถ่ายภาพเก็บเอาไว้ซักหน่อย ..
งานโลหะกรรม ..
ลองไปดูกันครับ .. หลากหลายเทคโนโลยี ที่ถูกปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของแต่ละท้องถิ่น ..
เรียกนายแบบมาถ่ายซักรูปซิ .. เดินไปทั่วเลย เผลอๆ ก็หายไปอีกแล้ว .. เฮ้อ ..
การย้อมผ้า .. / ผ้าทอของโครงการพระราชดำริ .. / สวยงามยิ่งนัก ..
ดูกันใกล้ๆ ครับ .. ผ้าทอ .. / เทคโนโลยีการทอผ้า ที่มีมาช้านานแล้ว ..
งานละเอียดมากๆ ครับ .. / ส่วนของงานไม้ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ..
แบบจำลองของบ้านทรงไทย ..
เครื่องดนตรีไทย
เอาล่ะ ก็หมดแล้วสำหรับชั้น 6 ที่เฝ้ารอการมาเยือนเป็นเวลาร่วมปีเศษ จุใจกันเลยสำหรับคนที่ request จากตรงนี้เราก็พากันลงไปชั้นล่าง เพื่อออกไปดูอาคารที่ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งต้องเดินออกจากอาคารนี้ไป และเดินกลับไปทางลานจอดรถ เดินทะลุไปสู่อาคาร 2 พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และอาคาร 3 พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะขอยกไปเขียนในเอนทรี่ต่อไปจะดีกว่า ดูเหมือนเอนทรี่นี้จะอัดแน่นไปด้วยภาพมากมายเกินไปแล้ว
เดี๋ยวเอนทรี่หน้าจะพาไปชมเจ้าแห่งโลกยุคดึกดำบรรพ์อย่างไดโนเสาร์ และเรื่อยมาสู่วิวัฒนาการของมนุษยชาติและปิดท้ายด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่นำพามนุษย์เข้าสู่ยุคของข้อมูลข่าวสาร พบกันเอนทรี่หน้านะครับ
ลิ้งค์ไปดูภาพเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่ ครับ
ในส่วนของ Forum ยังไม่ได้โพสครับ อย่างไรเสียก็แล้วจะรีบมาอัพเดทลิ้งค์ให้อีกทีครับ
| ภาคแรก | ภาคจบ |
เขียนเมื่อ : วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2555 เวลา 22:25 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น