ไม่ต้องเยิ่นเย้อให้เสียเวลา เริ่มกันเลยดีกว่า วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ.2554 หลังจากรีบออกเดินทางล้อหมุนกันตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะไปให้ทัน 9:00 น. เพราะคราวนี้มีญาติมาเยอะแยะแบบที่เรียกได้ว่า เฮ้ยยย .. ทั้งหมดนี่ญาติเราทั้งนั้นเลยเหรอ(ว๊ะ)? บางคนไม่เคยเห็นหน้าไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้าเจอกันข้างนอกงานนี่ไม่กล้าทักเลย ทั้งๆ ที่เป็นญาติๆ กันแท้ๆ แต่ที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ นี่ก็โอเคแหละ แต่ที่แปลกหน้าก็เยอะ เฮ้อ .. ถ้าหมดคนรุ่นพ่อแม่เราไปแล้วคงเหมือนคนอื่นไปซะล่ะมั๊งเนี่ย? แต่ก็นะ ใครจะไปจำกันหวาดไหวร่วม 100 คนได้ล่ะมั๊ง ขนาดคนพื้นที่ที่นั่นเองยังบอกว่า .. ส่วนใหญ่กรูก็ไม่รู้จักเหมือนกันว่ะ
ที่มาเจอกันวันนี้บางคนก็ออกแนวๆ งุนงงกันอยู่เหมือนๆ กับเรานี่แหละว่าใครเป็นใครกันบ้างว๊ะเนี่ยะ เสร็จพิธีการก็ประมาณ 10 โมงกว่า ก็ได้เวลาแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ครอบครัวไหนมากันเยอะก็รอเรียกรวมพลกันกว่าจะเรียบร้อย ครอบครัวไหนมากันน้อยก็ออกเดินทางกันได้เร็ว เพราะหลายๆ ครอบครัวเดินทางกันมาไกลข้ามจังหวัดบางคนข้ามภาคกันมาเลยทีเดียวเชียว แต่ก็มีทักกันไปนิดๆ หน่อยๆ ยิ้มให้กันไปตามมารยาทตามประสา
บ้านเราและญาติๆ ที่สนิทๆ กันที่อยู่ละแวกดำเนินฯ ใช้เวลาสลายตัวกันร่วมๆ ครึ่งชั่วโมงได้โดยไปนัดเจอกันที่บ้านของลุงกับป้าที่เป็นพี่ใหญ่ กินกลางวันด้วยกันซักหนึ่งมื้อแบบง่ายๆ ตามแบบฉบับชาวสวนอันเป็นอาชีพดั้งเดิมของต้นตระกูลผม แล้วก็ร่ำลากันพอหอมปากหอมคอแต่อิ่มเอมเปรมอร่อยแน่นอกแน่นท้องกันไปทุกคน เอ้า .. ว่าจะไม่เยิ่นเย้อ นี่ก็เฉไฉมาซะหลายย่อหน้าแล้วยังไม่ได้เริ่มเรื่องซักที
ตัดฉับมาแบบดื้อๆ ซะหยั่งงั้น มาที่ทางเข้า เดินไปซื้อตั๋วกันก่อน เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 50 บาท ส่วนผู้สูงอายุลดครึ่งราคา ของบ้านเราเด็ก 1 ผู้ใหญ่ 2 ผู้สูงอายุ 2 รวม 170 บาทไม่แพงเลยไปเที่ยวกันเยอะๆ นะ
หลังจากนี้ชมภาพประกอบคำบรรยายเท่าที่จำได้ไปพร้อมๆ กันเลยนะคร๊าบบบ ..
ไปซื้อบัตรเข้าชมกันก่อนนะ นักเรียน นักศึกษาเยอะทีเดียว มาศึกษาหาความรู้เพื่อจะได้โตขึ้นเป็นบุคคลากรที่มีคุณค่าของสังคมต่อไป
ซื้อบัตรเสร็จแล้ว เดินไปตามทางเพื่อเข้าสู่พื้นที่จัดแสดง มีป้่ายห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามเครื่องดื่มมึนเมา และห้ามสัตว์เลี้ยงจ้า โชคดีที่พวกเราทานมื้อกลางวันกันมาเรียบร้อยทุกคนแล้ว อีกทั้งไม่มีใครนิยมดื่มของมึนเมา และสุดท้ายก็ไม่มีสัตว์เลี้ยง มีแต่เด็กที่จะต้องเลี้ยงดูกันไปอีกนานทีเดียว อิอิ ..
เอแคลร์ถ่ายรูปกับคุณปู่ คุณย่าแล้วก็คุณอาติ่งอีกคน เอาไว้เป็นที่ระลึก / ส่วนป๊ะป๋าก็ขอมีรูปหมู่กับเค้าบ้าง
น้องสาวคนสวยคนนี้ คอยต้อนรับผู้มาเยือนเพื่อเก็บบัตรผ่านประตู เลยขออนุญาตแชะคนสวย 1 รูป แล้วเดินตามทางนี้ต่อไปเรื่อยๆ
อีกสักรูป เอแคลร์กับคุณปู่คุณย่า
เดินมาตามทางจะพบกํบอาคารนี้เป็นที่แรก “อาคารเชิดชูเกียรติ หรือ HALL OF FAME” เข้าไปดูกันว่าข้างในมีอะไร
คุณปู่คุณย่ากับ ศ.มล.ปิ่น มาลากุล / ศ.ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์
ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ / ท่านต่อมา .. ขออภัย จำไม่ได้จ้ะ .. / แล้วก็ประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ (ลุงโฮ ของชาวเวียดนาม)
ท่านนี้ก็จำไม่ได้จ้ะ / อีกท่านก็ อาจารย์โต ขำเดช ครูประติมากรรมช่างปั้นพระสุโขทัยแห่งบ้านช่างหล่อ
ท่านนี้คงรู้จักกันดี “สืบ นาคะเสถียร” วีรบุรุษผู้ยอมสละชีพเพื่อรักษาผืนป่า / และต่อมาคือแม่ชี เทเรซ่า
ท่านผู้นำแห่งประเทศจีน .. ท่านเติ้ง กับท่านประธานเหมา มานั่งปรึกษาข้อราชการกันอยู่ ..
หมดจากอาคารเชิดชูเกียรติ ออกมาด้านนอกเดินต่อไปพบกับ “ลานพระสามสมัย” เป็นพื้นที่แสดงพระพุทธรูปในยุคสมัยต่างๆ ของประเทศไทย ยุคไหนเป็นยุคไหนก็ลองศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมดูนะครับ ถ้ามีโอกาสจะหาข้อมูลมาเพิ่มเติมให้นะครับ
เอ่อ .. ผิดระยะ ทั้ง 3 ภาพเลยไม่ได้สัดส่วนกัน เฮ้อ .. ลองเดาเอานะครับ ว่าภาพไหนคือยุคใด? .. เพราะผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน แฮ่ ..
เอาล่ะ รูปชักจะเยอะแล้ว อาจทำให้เพื่อนๆ เสียเวลาในการโหลดหน้าเพจนานเกินไป เดี๋ยวจะพาลเบื่อการรอคอยกันซะก่อน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมยกยอดไปตอนที่ 2 แล้วกัน คราวหน้าเราไปดูถ้ำเวชสันดรชาดก, กุฏิพระสี่ภาค แล้วก็บ้านไทยของภาคต่างๆ ด้วย คอยติดตามรับชมกันนะครับ
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนถึงบรรทัดนี้ สวัสดีวันเช็งเม้งนะครับ ..
เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ.2554 เวลา 22:26 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น