Picture by http://www.todayza.com
เอี๊ยดดดดด .. โครมมมมม .. คร่อก .. กึก .. กึก .. เสียงล้อรถที่บดทับผ่านร่างเล็กๆ จนได้ยินกระดูกแตกดังเปรี๊ยะ มันบาดลึกความรู้สึกของคนที่เห็นเหตุการณ์ ร่างนั้นกระตุกดิ้นพราดทุรนทุรายอย่างน่าเวทนาอยู่ไม่กี่ที เพียงชั่วไม่กี่อึดใจตาทั้งสองก็เหลือกค้าง ลิ้นจุกปาก เลือดสีดำเป็นลิ่มๆ เริ่มไหลทะลักจากทวารทั้งห้า นั่นคงเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ ในที่สุดความตายก็เข้ามาพรากช่วงชีวิตที่ดีๆ ของทั้งสองให้ต้องจากกันตลอดกาล เพียงเพราะรถเก๋งสปอร์ตสีดำราคาหลายล้านคันนั้นกับรอยบุบขนาดใหญ่ด้านหน้าห้อตะบึงราวกับหนีใครมาอย่างไม่ได้ยั้งคิดว่านี่มันเป็นเพียงซอยเล็กในหมู่บ้านเท่านั้น
เมื่อก่อนมันก็เป็นเพียงเส้นทางที่ใช้เลี่ยงรถติดบนถนนใหญ่ที่ใช้เฉพาะบางคนที่รู้กันในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นถึงจะเข้ามาใช้ขับผ่านกันไปมา แต่หลังจากเมืองหลวงได้เติบโตขึ้น จึงมีป้ายเขียวของทางราชการชี้ช่องบอกเส้นทางลัดจนทำให้มีปริมาณการใช้ถนนเล็กๆ เส้นนี้หนาแน่นขึ้นจนผิดหูผิดตา สวนทางกับความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยของผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
สองหนุ่มสาวชาวอีสานที่ใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อกันแต่ผู้ใหญ่กลับไม่เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะเจ้าหนุ่มบ้านนานั้นมันไร้ซึ่งทรัพย์วาสนา จึงต้องลักลอบพากันหนีจากบ้านทุ่งที่แร้นแค้นหวังจะเข้ามาเสี่ยงโชคในเมืองหลวง อาศัยหลบขึ้นรถไฟมาในตู้ขนสัมภาระร่อนเร่ข้ามวันคืนที่โหดร้ายมาด้วยกัน เคยแทบจะหยุดหายใจหลบซุกอย่างเงียบเชียบที่สุดอยู่ในซอกหลืบแคบๆ ที่เหม็นอับจนสุดจะบรรยายเมื่อคราวได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่รถไฟที่เดินเข้ามาคอยตรวจตราสัมภาระคืนละหลายต่อหลายครั้ง ทั้งสองนอนหมอบแน่นิ่งเหงื่อกาฬเม็ดเป้งไหลทะลักโทรมหน้าเมื่อมองลอดช่องเล็กๆ ใต้กองสัมภาระ เมื่อได้เห็นรองเท้าหนังมันแว๊บคู่นั้นเดินเข้ามาหยุดอยู่แทบจะตรงหน้า หัวใจเต้นรัวราวกับกลองเพลที่เคยได้ยินจากวัดในหมู่บ้าน ลุ้นกันแทบจะหยุดหายใจว่าจะถูกเจอตัวแล้วจับโยนลงไปที่สถานีไหน
Picture by http://www.chaoprayanews.com
แต่จนแล้วจนรอดเมื่อโชคชะตายังเห็นใจ ทั้งสองก็ระหกระเหินเดินทางมาถึงสถานีปลายทางที่หัวลำโพงจนได้ โดยไม่ต้องถูกตะเพิดลงกลางทางไปซะก่อน ทั้งคู่ออกเดินเคว้งคว้างอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะไม่เคยมีญาติหรือใครที่รู้จักอยู่ในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายแห่งนี้เสียด้วย
Picture by http://province.iblogger.org
มันเป็นเวลาช่วงเช้าของวันทำงานกลางสัปดาห์ บริเวณด้านหน้าสถานีหัวลำโพงจึงอื้ออึงไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจทั้งเสียงโชเฟอร์แท็กซี่ที่ตะโกนโหวกเหวกรุมแย่งผู้โดยสารราวกับฝูงหมาจิ้งจอกรุมทึ้งลูกแกะผู้โชคร้าย เสียงพ่อค้าแม่ขายที่ต่างพยายามยัดเยียดขายสินค้าของตน เสียงบีบแตรรถที่ดังติดต่อกันไม่ขาดสาย ความสับสนอลหม่านของผู้คนมากมายที่รีบเร่งก้าวเดินข้ามถนนจนไม่มีใครสนใจจะช่วยเหลือคนอื่นที่ด้อยโอกาสอย่างคนชรา ที่ต้องพาสังขารอันทรุดโทรมเพราะผ่านกาลเวลามานานนมกระย่องกระแย่งข้ามผ่านแต่ละแยกอย่างทุลักทุเลเพื่อจะเข้าไปตักบาตรที่วัดชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆ นั้น ตามมาด้วยเสียงแตรดังยาวแสดงความไม่พอใจทั้งที่สัญญาณไฟก็ยังไม่เขียวเสียหน่อย พร้อมกับออกรถอย่างกระแทกกระทั้นตามด้วยเสียงสบถด่าตามหลังผู่เฒ่าด้วยวาจาหยาบคายอย่างไม่สบอารมณ์ของคนขับรถคันนั้น
Picture by http://static.panoramio.com
สองผัวเมียเดินตุปัดตุเป๋ไปตามทางเดินแคบๆ อย่างไร้จุดหมาย ผ่านร้านขายข้าวราดแกงรถเข็นที่จอดอยู่ข้างถนน จมูกดีๆ ของทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอาหารที่หอมหวนชวนชิมจากแกงหลายชนิดบนรถเข็นนั่น แต่ติดอยู่ที่ทั้งคู่ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้สักแดงเดียว สัญชาตญาณความหิวทำให้ตัดสินใจกระทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วยการขโมยอาหารเพื่อจะเอามาประทังชีวิต แต่สุดท้ายแล้วก็ไปไม่รอดถูกจับได้เสียก่อน เจ้าของร้านกระหน่ำตีด้วยตะหลิวในมืออย่างไม่ยั้ง แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่มีคุณยายใจบุญกับหลานสาวแสนสวยมาช่วยเอาไว้ไม่ต้องไปติดคุกติดตะราง อาจจะด้วยแววตาอันใสซื่อหน้าตาบ้านๆ ของทั้งสอง และบุญบารมีของหลวงพ่อที่วัดข้างบ้านอันเป็นสถานที่สาบานรักของทั้งสองละมั๊ง ที่ช่วยดลใจให้คุณยายเมตตาสงสารเลยพาไปอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามความเป็นมาแต่อย่างใด และแล้วสองชีวิตก็ได้ย้ายตัวเองเข้ามาสู่นิวาสสถานแห่งแรกในเมืองหลวงย่านซอยสุขุมวิท 55 หรือที่รู้จักกันในชื่อซอยทองหล่อ อันเป็นที่พำนักพักอาศัยของสามีชาวต่างชาติกับคุณแม่ยังสาวของหลานสาวคนสวยของคุณยายผู้ใจดีนั่นเอง
Picture by http://www.thinkofliving.com
บ้านหลังใหญ่ในซอยแคบๆ ขนาดที่ว่ารถเก๋งขนาดอีโคคาร์คันเล็กกระจิ๊ดริดวิ่งสวนยังแทบจะเบียดกันให้สีถลอกได้ง่ายๆ ถ้าหากไม่ชะลอความเร็วลงเพื่อหลบเลี่ยงให้พ้นกัน แต่นั่นก็ถูกใช้เป็นเส้นทางลัดเพื่อหลีกหนีการจราจรที่ติดหนักสาหัสสากรรจ์ของถนนเพชรบุรีตัดใหม่และถนนสุขุมวิทในช่วงเวลาเช้าหรือเย็นได้เป็นอย่างดี ทั้งผู้ใช้เส้นทางที่ขับรถผ่านไปมาเป็นประจำ ทั้งรถแท็กซี่ที่วิ่งกันขวักไขว่รวมไปถึงรถหรูคันงามของเหล่าเศรษฐีระดับประเทศหลายคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่ๆ อีกหลายหลังในซอยนี้ กอรปกับบรรดาเหล่าจักรยานยนต์รับจ้างที่ขับย้อนศรสวนในช่องทางวิ่งไปมาแบบคิดจะไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้การจราจรในซอยแคบๆ แห่งนี้ไม่เคยนิ่งเงียบเกินกว่าห้านาทีแม้สักครั้งเดียว
ตำแหน่งงานใหม่ของไอ้เผือกหนุ่มบ้านทุ่งในบ้านหลังใหญ่นี่ก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่มีหน้าที่สำคัญคือคอยดูแลตรวจตราสอดส่องความผิดปกติภายในบริเวณบ้านไม่ให้คนแปลกหน้าเข้า-ออกโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหากเกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ให้รีบวิ่งไปรายงานต่อหัวหน้าคือหลานสาวคนสวยโดยทันท่วงที เพราะระบบต่างๆ ทั้งการเปิด-ปิดประตูหรืออื่นๆ จะถูกควบคุมด้วยรีโมททั้งสิ้น อันเป็นเรื่องที่เกินกว่าไอ้เผือกที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนมาจะทำได้ ส่วนของนางแดงที่ตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ก็เลยไม่ได้มีงานหลักเป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่ก็ยังได้ช่วยงานพี่เพ็ญที่เป็นเมดประจำบ้าน เช่น ลากตะกร้าผ้าไปที่ราวเพื่อให้พี่เพ็ญตากบ้าง เอาขยะไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้านบ้าง ช่วยงานในหน้าที่ของไอ้เผือกผู้เป็นสามีในการสอดส่องดูแลบ้านอีกแรงหนึ่งตามกำลังที่พอจะทำได้บ้าง
แม้จะเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ไม่นานทั้งสองก็ได้สร้างวีรกรรมอันน่าชื่นชมในการช่วยกันจับขโมยที่แอบปีนเข้ามาในยามดึกดื่นของค่ำคืนหนึ่งไว้ได้ โดยครั้งนั้นไอ้เผือกเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังจากที่โดยคนร้ายหวดเอาจนขาหัก หัวหูแตกเป็นแผลเหวอะหวะจนเลือดไหลโทรมทั่วร่างแต่ก็ยังกัดฟันสู้ยิบตาจนสามารถเอาตัวคนร้ายส่งตำรวจได้ ส่วนตัวไอ้เผือกก็ต้องย้ายนิวาสถานเป็นการชั่วคราวไปนอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์ แล้วจึงได้รับอนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้านต่ออีกร่วมเดือน พร้อมทั้งหัวใจที่อยากกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อคอยปกป้องคุณยายและคุณหนูของบ้านนี้เป็นการทดแทนบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตตัวเองและเมียรักเมื่อครั้งที่เข้ากรุงมาใหม่ๆ ส่วนด้านของนางแดงครั้งนั้นก็เจ็บตัวไม่แพ้กัน นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวันทีเดียว จากวีรกรรมในครั้งนั้นจึงทำให้ทั้งสองกลายเป็นกำลังสำคัญในการดูแลความปลอดภัยของทุกคนในบ้านตลอดมาจนกระทั่งเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ...
Picture by http://www.innnews.co.th
หลังจากเทศกาลสงกรานต์อันเป็นประเพณีรื่นเริงสนุกสนานเก่าแก่ดั้งเดิมสืบทอดกันมายาวนานหลายชั่วอายุคนของไทยที่มีต่างชาติสันดานขี้โกงแอบโขมยไอเดียเอาไปจัดให้เป็นงานใหญ่เพื่อโปรโมทประเทศตัวเอง ทั้งที่วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของตัวเองนั้นก็ไม่เคยมีเทศกาลสงกรานต์แบบนี้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ได้รับอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของชาติมหาอำนาจจนได้ก่อตั้งเป็นประเทศหนึ่งขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่ก็ยังจะกระแดะอยากจะจัดสงกรานต์กับเค้าบ้าง ทั้งๆ ที่น้ำที่จะดื่มจะกินเข้าไปยังราคาแพงยิ่งกว่าน้ำมันเสียอีก
วันนี้เป็นวันพุธกลางเดือนเมษายนที่ร้อนระอุ ควันหลงจากสงกรานต์ยังไม่จางหาย พื้นถนนบางช่วงยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำแต่เมืองหลวงก็กำลังกลับคืนสู่ชีวิตอันวุ่นวายอีกครั้ง ในซอยบ้านของคุณยายก็เช่นกัน รถราเริ่มเพิ่มปริมาณมากขึ้นหลังจากอยู่อย่างสงบสุขในช่วงสงกรานต์มาได้สัก 5 วัน และกำลังจะเข้าสู่การจราจรที่เป็นจราจลของช่วงเช้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผู้คนที่กลับไปเยี่ยมเยียนพ่อแก่แม่เฒ่าที่ภูมิลำเนาเดิมอันเคยเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดที่เคยพำนักพักอาศัยมาแต่ยังเป็นเด็กน้อยก็พากันทยอยกลับเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อให้ทันกับการเริ่มงานในวันรุ่งขึ้น ไอ้เผือกกับนางแดงไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเฉกเช่นคนอื่นเขาเพราะผู้ใหญ่คงไม่ปลื้มที่พากันหนีมาโดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ใด จึงได้แต่ทุ่มใจฝากชีวิตเอาไว้กับงานรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าของบ้านหลังใหญ่ผู้มีพระคุณแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
วันนี้ก็เช่นกันคุณยายกับคุณหนูออกไปข้างนอก ส่วนนางแดงก็ยังคงทำเหมือนเช่นทุกวันที่พยุงเอาร่างที่เริ่มจะอุ้ยอ้ายขึ้นเล็กน้อยลากเอาถุงขยะสีดำใบเขื่องไปพร้อมกับพี่เพ็ญเพื่อเอาไปทิ้งยังถังขยะสีเขียวของทางราชการที่ตั้งอยู่หัวมุมริมสุดรั้วบ้าน โดยมีไอ้เผือกคอยยืนดูเมียรักลากถุงขยะพ้นไปจากหน้าประตูบ้าน ส่วนตัวเองก็คอยเฝ้าจับตาสังเกตดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างๆ เช่นปกติทุกวัน พี่เพ็ญกำลังเปิดฝาถังขยะแล้วหยิบถุงขยะที่นางแดงลากมาและอีกถุงใหญ่ที่ถือมาเองใส่ลงไปอยู่นั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณนางแดงเริ่มสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
รถเก๋งสีดำคันใหญ่ของเศรษฐีในซอยวิ่งห้อตะบึงมาอย่างเร็ว เสียงล้อบดเบียดกับพื้นถนนดังเอี๊ยดอ๊าดระคนกับเสียงท่อไอเสียดังครืนๆ สนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าร้อง เสียงเครื่องยนต์บล็อคตัววีจำนวนสิบสองสูบสี่สิบแปดวาล์วขนาดปริมาตรความจุกระบอกสูบห้าพันสองร้อยซีซีที่อัดแน่นไปด้วยแรงม้ากว่าห้าร้อยตัวส่งเสียงคำรามกระหึ่มดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ อาการของรถที่ฉวัดเฉวียนส่ายไปมาราวกับงูเลื้อยบ่งบอกให้เห็นว่าผู้ขับขี่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ควบคุมรถได้อีกต่อไปแล้ว ล้อแม็กซ์ขนาดสิบแปดนิ้วพร้อมกับยางแก้มเตี้ยวงใหญ่หมุนควบตะบึงปรี่เข้ามายังถังขยะที่พี่เพ็ญยืนอยู่โดยที่เธอไม่รู้สักนิดว่ามัจุราชสีดำกำลังพุ่งทะยานมาแทบจะอยู่ตรงหน้าแล้ว
Picture by http://www.atcloud.com
นางแดงเห็นท่าไม่ดีจึงเอาตัวเองวิ่งเข้าชนพี่เพ็ญเพื่อผลักให้พ้นจากวิถีอำมหิตแห่งพญามัจุราชสีดำคันนั้นซึ่งมันก็ได้ผล แต่ด้วยแรงปะทะทำให้นางแดงที่ตัวเล็กกว่าหลายเท่าพลิกกลิ้งหลุนๆ เข้ามาอยู่ในช่องทางผ่านของเพชรฆาตล้อใหญ่คันนั้น และมันก็ช้าเกินกว่าจะกลับตัวหลีกหนีได้ทันเสียแล้ว ยางฟอลเคนหน้ากว้างขอบใหญ่หมุนทับบดขยี้ร่างเล็กๆ ผ่านกลางลำตัวตามด้วยล้อหลังหมุนทับซ้ำอีกรอบ ก่อนที่เจ้ามัจุราชคันนั้นจะพุ่งทะยานผ่านเข้าไปในประตูของบ้านหลังใหญ่ฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องออกไปเล็กน้อย
ไอ้เผือกที่ยืนตาค้างกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าความตายมาพรากเมียรักและลูกในท้องไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ มันจึงวิ่งควบสุดกำลังไปหานางแดงที่นอนระทวยใกล้จะหมดลม ประสาทความรู้สึกสุดท้ายของชีวิตที่ได้รับรู้ว่าชายคนรักมานอนหมอบอยู่ใกล้ๆ ยื่นหน้ามาหอมเธอและลูกในท้องปริ่มว่าจะขาดใจ เลือดสีดำเป็นลิ่มๆ เริ่มทะลักออกจากปากและจมูกของเธอ เธออยากจะบอกรักกับสามีเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ไม่สามารถจะเปล่งเสียงออกมาได้เพราะกระดูกซี่โครงของเธอหักทุกซี่ ทิ่มทะลุปอดจนฟองอากาศทะลักออกมาพร้อมกับเลือดสดๆ ที่เริ่มนองไปทั่วพื้น ตับและม้ามแตกทะลักออกมากองอยู่ข้างนอก ไอ่เผือกพยายามลากเมียรักเข้าไปข้างทางหน้าประตูบ้าน แล้วนอนหมอบข้างเธอจนนางแดงเริ่มกระตุกสอง-สามที จากนั้นชีวิตและสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงพร้อมกับวิญญาณที่ลอยออกจากร่างไปชั่วนิรันดร์ ทิ้งไว้เพียงแค่ความรักความทรงจำดีๆ ที่ทั้งสองเคยมีร่วมกันตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ได้ร่วมชีวิตฟันฝ่าทุกข์สุขมาด้วยกัน
Picture by http://news.mthai.com
ชาวบ้านแถวนั้นต่างเบือนหน้าหนีด้วยความเวทนา เพราะไม่อาจทนกลั้นน้ำตากับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ของสุนัขพันธุ์ไทยหน้าตาบ้านๆ ที่นอนหมอบเห่าหอนครวญครางดั่งว่าจะขาดใจ และยังคงคอยเลียหน้าเลียตาอีกตัวที่อยู่ในสภาพร่างที่เละเทะเกินกว่าจะเก็บได้ครบทุกชิ้น ระคนกับเสียงจอแจของผู้คนและกำลังพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายต่างก็กำลังเริ่มทำงานของตัวเองอีกครั้งในซอกหลืบหนึ่งของเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้
กับชีวิตเล็กๆ ที่ไม่มีคนเห็นค่า แต่นั่นก็คืออีกหนึ่งชีวิตที่ต้องมาสังเวยให้ความประมาทของมนุษย์ที่พยายามอุปโลกน์ยกตนเองขึ้นเป็นสัตว์ประเสริฐ หรือว่าจริงๆ แล้วสำหรับความคิดของผู้มีอันจะกินเหล่านั้น อาจจะมองเพียงแค่ว่า “เป้าหมายมีไว้พุ่งชน” แต่เพียงอย่างเดียวกันแน่นะ
--- นายเมษา ---
อังคาร 15 เม.ย.2557; 8:54 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น