วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ไปเที่ยวภูเก็ตกัน .. ในวันมรสุมเว้นวรรค .. ตอนแรก ..

 
ชีวิต .. เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ..

| ตอนแรก | ตอนจบ |

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้ไปภูเก็ต บ้านเราได้ไปเที่ยวกันทุกปี เพราะหางแดงเค้าจัดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดออกมาล่อตาล่อใจได้ทุกทีสิน่า ด้วยการดำเนินนโยบายจ่าย(ล่วงหน้า)ปีนี้ ค่อยไปบินปีหน้า(ก็แล้วกันนะ) ทำให้ชาวเราที่อยากเหาะเหินเดินอากาศบินได้ดั่งนก พากันกระหน่ำซื้อตั๋วโปรข้ามปีเก็บไว้เป็นสิบๆ ทริป เอาไว้ทยอยบินไปเที่ยวแบบที่เรียกว่าบินตอนค่ำไปค้างคืนนึงแล้วบ่ายวันถัดมาบินกลับก็ยังมี แค่เปลี่ยนที่นอนเฉยๆ ก็เอาแล้ว

ด้วยความที่ครอบครัวของผมเคยไปรับราชการอยู่ที่ภูเก็ต คุณพ่อคุณแม่ก็เลยมีเพื่อนมีฝูงลูกน้องเก่าแก่ที่สนิทสนมกันอยู่ที่นั่นหลายคน ซึ่งตัวผมเองก็ต้องย้ายนิวาสถานที่พำนักพักพิงตามไปอยู่ด้วย แหม .. ก็ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยอยู่นี่นา ได้เข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรกก็ที่ภูเก็ตนี่แหละ การกลับไปเที่ยวภูเก็ตแต่ละครั้งก็เลยให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับไปเที่ยวบ้าน ฉะนั้นคงไม่แปลกที่บ้านเราจะไปเที่ยวภูเก็ตกันทุกปี อย่างน้อยก็ต้องมีปีละครั้งล่ะ

ทริปนี้เดินทางกันวันพฤหัสบดีที่ 4 และกลับวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2555 เลือกเดินทางช่วงกลางสัปดาห์จะได้ไม่ต้องไปแย่งที่กินที่เที่ยวกับใครๆ สะดวกสบายทั้งการเดินทางและความเป็นอยู่ ด้วยความที่บินในไฟลท์เช้าเลยต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า เรียกพี่แท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบินดอนเมือง แอร์เอเชียย้ายฐานกลับมาประจำการอยู่ที่ดอนเมืองแล้วพวกเราก็มาฉลองเปิดตัวหางแดง(อีกครั้ง)ที่สนามบินดอนเมืองซะเลย

 
พี่คนนี้แหละที่พาเราไปส่งที่สนามบินดอนเมือง .. / Drop กระเป๋าแล้วก็เดินหาอะไรกินรองท้องกันซักหน่อย ..

ถึงดอนเมือง 7:30 น.เช็คอินผ่านเวบมาตั้งแต่ที่บ้านแล้วมารอ drop กระเป๋าอย่างเดียว เสร็จแล้วไปหาอะไรร้องท้องกันประมาณ 8 โมงรีบไปนั่งรอที่เกทเพราะมีประสบการณ์ไปผิดเกทที่สุวรรณภูมิเมื่อครั้งที่บินไปสิงคโปร์เล่นเอาหอบแฮ่กๆ แทบจะวิ่งขึ้นเครื่องกันเลย คราวนี้เลยไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยน่ะ

 
เครื่องของรอเราอยู่ที่เกท 31 .. / เครื่องขึ้นแล้วเจ้านายของผมกำลังดูรูปที่ถ่ายอยู่ ..

บินด้วยหางแดง FD3201 ออก 8:45 น. ขึ้นเครื่องโดยสวัสดิภาพไม่มีผิดคิวเหมือนคราวก่อน บินแต่เช้ากลางสัปดาห์แบบนี้มีที่ว่างพอสมควร สจ๊วตหนุ่มเดินมาถามว่าอยากเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งริมหน้าต่างไม๊? มีที่ว่างอยู่หนึ่งแถวเผื่อเจ้านายผมเค้าจะอยากดูข้างนอกได้บ้าง ก็ตองขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ประทับใจกับบริการจริงๆ เห็นมีแต่คนเขียนว่าหางแดง ผมขอสวนกระแสขออนุญาตชื่นชมในบริการก็แล้วกัน ก็ผมได้รับบริการดีจริงๆ นี่นา

ถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ตในเวลา 10 โมงตรงเป๊ะ รอรับกระเป๋าแล้วโทรหาร้านที่เราเช่ารถเอาไว้พร้อมกับออกมายืนรอด้านหน้า สักครู่ก็มีน้องแจ๊สสีขาวเข้ามาเทียบท่ารับพวกเราไปทำสัญญาที่ร้าน ก็อยู่หน้าสนามบินนั่นแหละ จัดการเรื่องเอกสาร ตรวจสอบเช็ครถ เช็คร่องรอยต่างๆ เช็คระดับน้ำมันเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันได้

ครั้งนี้ผมหยิบเอา GPS จากในรถที่บ้านไปเองด้วย เพราะครั้งก่อนที่มาภูเก็ตจำได้ว่า เอา GPS ของบริษัทรถเช่านี่แหละ พากันหลงทั้งคนทั้งเครื่อง ขับรถวิ่งวนรอบเกาะภูเก็ตกันสนุกไปเลย เอะอะอะไรเครื่องมันก็บอกให้ชิดขวาแล้วกลับรถอย่างเดียวเลย แล้วตรูจะไปถึงไม๊เนี่ย? คราวนี้เลยตัดปัญหาเอามาเองเลยดีกว่า

 

ทีมงานของเราถือคติว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง(ไม่ใช่หนอนน๊า) หมายถึงต้องอิ่มก่อนแล้วจะเที่ยวไหนก็ค่อยว่ากัน ดังนั้นจุดหมายแรกคือร้านอาหารสิครับ ขับไปก็ปรึกษากันไปกับสมาชิกในทีมก็จำกันได้ว่าครั้งก่อนเพื่อนของครอบครัวที่เป็นเจ้าถิ่นพาไปกินกันที่ร้าน “หมอมูดง” ทุกคนติดใจในรสชาติดุดันแบบชาวบ้านๆ เลยลงความเห็นว่าเอาที่นี่แหละ เลยกดตั้ง GPS แล้วบึ่งกันไปเล๊ยยยยย

 

พาไปถึงได้แบบหลงๆ นิดนึงเพราะจะให้ตรูขับรถฝ่าหาดทรายไปที่ร้านซะงั้น แทนที่จะพาเข้าไปตามถนน เฮ้อ .. แต่ก็อนุโลมให้เพราะพามาได้ใกล้มากแล้ว แค่เลี้ยวไปหน่อยก็ถึงร้านแล้ว  โอเคๆๆ ไม่เป็นไร ไปถึงจัดการเปิดเมนูสั่งโดยพลัน หากมัวแต่ชักช้าเนิ่นนานไปก็จะมีประชาชีเข้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่น อาจทำให้เราต้องรออาหารนานไปอีก นับว่าโชคดีที่มาถึงก่อนเที่ยง เลยได้กินก่อนโต๊ะอื่นที่เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาจับจองโต๊ะจนแทบจะเต็มทุกที่นั่ง

อิ่มหนำสำราญกันดีก็ไปเช็คอินเข้าที่พักกันดีกว่า ครั้งนี้ใช้บริการที่ Cloud19 Beach Retreat อยู่บริเวณแหลมพันวา คราวนี้ GPS พาไปถูกต้องเป๊ะๆ วิ่งเข้าถนนเล็กๆ ผ่านหมู่บ้านแล้วเลาะลัดเลียบไปตามเชิงเขา ขึ้นเขาลงห้วยไปซักพัก หากพบศาลาชมวิวถนนอ่าวยนต์-ช่องเขาขาดก็แสดงว่ากำลังจะถึงที่พักแล้ว ก็ยังไม่วาย .. ผมขับเลยอีกซะอย่างงั้น

เข้าเช็คอิน รับ Welcome Drink วันนี้มีพักอยู่ห้องเดียวที่กำลังจะเช็คเอ้าท์ด้วย เรามาถึงก็เท่ากับว่า .. โอ้วววว .. นี่มันรีสอร์ทส่วนตัวชัดๆ เพราะไม่มี Guest ท่านอื่นอีกเลยนอกจากพวกเรา ได้ห้องพักที่ชั้นสอง ห้อง 205 กับ 206 มีสระว่ายน้ำอยู่หน้าห้องเลย แก้ผ้ากระโดดลงสระได้โดยไม่ต้องอายใคร เอากระเป๋าไปเก็บ เจ้านาย Request จะลงสระทันที นั่นก็หมายความว่าคงจะไม่ได้ออกไปไหนแล้วล่ะสำหรับวันนี้

เคลียร์กระเป๋าเอาเสื้อผ้าใส่ตู้ไว้เผื่อหยิบใช้ได้สะดวก เดินเก็บภาพโน่นนี่นั่นในห้องไปเรื่อย ห้องพักใช้โทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับสงไฟทังสเตนสีเหลืองจากหลอดดาวน์ไลท์ บางจุดใช้เดย์ไลท์ที่ให้แสงขาว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะแต่งหน้าแต่งตัวสำหรับคุณผู้หญิง เก้าอี้หวายทุกชิ้นรวมไปถึงเตียงและผ้าปูเตียงใช้โทนสีขาวทั้งสิ้น มี LCD TV รับสัญญาณช่องดาวเทียม ตู้เย็นอยู่ด้านล่าง พร้อมกับน้ำ 2 เหยือกและมินิบาร์วางให้เห็นจะๆ เลือกดื่มได้ถ้าต้องการ เจ้านายของผมเล่นพริงเกิ้ลไปซะแล้วโดยที่ไม่บอกใครซะด้วย จ่ายค่าเสียหายไปในราคาสองเท่าจากราคาปกติ 555+ ถ้าบอกจะได้ไปซื้อที่โลตัสมาคืนให้ เฮ้อ ..

ห้องน้ำแบบชักโครกมีสายยฉีดชำระ ฝักบัวแบบ Rain Shower มีน้ำร้อน-เย็นครบครัน กระจกบานใหญ่ อ่างล้างหน้า 2 อ่าง ตอนเช้าๆ ไม่ต้องแย่งกันแปรงฟัน อุปกรณ์อื่นๆ ในห้องน้ำมีครบถ้วน สะอาดสะอ้านถูกสุขอนามัย สบายใจได้สำหรับคนรักความสะอาด รับประกันขอ Confirm

 
ห้องน้ำกว้างขวาง ..

 

ภายในห้อง ..

หมดจากในห้องก็ออกมาด้านหน้ากันบ้าง เปิดประตูออกมาก็พบกับสระว่ายน้ำยาวตลอดตัวอาคาร ไม่มีขอบสระมาบดบังทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจนจากในสระ เล่นน้ำไปก็ชมพระอาทิตย์ตกน้ำ(ดิน)ไปด้วย จะดื่มจะดริ้งค์ที่ริมสระก็มี Pool Bed พร้อมโต๊ะเล็กๆ ให้วาง Beverage แก้วโปรด นอนเล่นจิบเครื่องดื่นละมุนลิ้นกันเพลินๆ ไม่ต้องออกไปไหนเลย retreat อยู่ได้ในนี้สบายๆ

 

ปล่อยให้เจ้านายเค้าสนุกสนานกับการดำผุดดำว่ายในสระอันเป็นกิจกรรมโปรด ส่วนตัวผมก็อาศัยเวลาช่วงนี้หลบไปพักสายตาเอาแรงเสียหน่อย เพราะเมื่อคืนก็นอนเกือบเช้า ได้ซักชั่วโมงก็ตื่นมาเตรียมตัวออกเดินทาง ขึ้นเครื่องมาถึงภูเก็ตก็ขับรถจนมาถึงที่พักเนี่ย สมองเริ่มออกอาการเบลอ ตาเริ่มพร่ามัวจะปิดลงเสียให้ได้ เลยขอทดสอบความนุ่มของเตียงเสียหน่อยก่อนที่จะนอนกันจริงๆ ในคืนนี้

 
Chicken King ที่โลตัส พาร์ค เจ้าฟ้า .. / มานั่งด้านใน .. ดูๆ ไปก็คล้ายกับเชสเตอร์ กริลล์นะเนี่ย ..

ตื่นมาก็พากันออกไปหาอะไรใส่ท้องเป็นมื้อเย็น จะไปซื้อน้ำดื่มที่โลตัสด้วยเพราะแค่ 2 เหยือกที่ให้น่ะมันคงไม่เพียงพอหรอก เลยถือโอกาสออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกซะด้วยเลย กด GPS หา LOTUS ใกล้ที่สุด ได้ที่ “โลตัส พาร์คเจ้าฟ้า” มีร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร ฯลฯ ที่นี่พวกเราได้มีโอกาสลิ้มลองฟาสท์ฟู๊ดแบบ Local ตอนแรกมองผ่านๆ นึกว่าเชสเตอร์ กริลล์ซะอีกแต่ปรากฎว่าเป็น “ชิคเก้น คิงส์” เดินๆ ดูร้านอื่นก็ไม่มีเลย ตกลงก็ลองร้านนี้แหละ รสชาติแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้นแต่ก็อร่อยดีเหมือนกันนะ

 
ข้าวไก่อินโด .. / ชุดเบนโตะ ..

อิ่มท้องแล้วก็ไปเดินย่อยอาหารกันในโลตัสซื้อน้ำ ขนมนมเนย เสบียงกรังต้องให้พร้อมเพรียง เพราะไม่สะดวกที่จะออกมาซื้อบ่อยๆ เส้นทางมืดพอสมควรเลยนะ ต้องขึ้นเขาลงเขาเลาะเลียบไปตามเชิงเขา น่าจะอันตรายสำหรับคนที่ไม่คุ้นเส้นทาง ทางที่ดีซื้อเข้าไปใส่ตู้เย็นเก็บไว้จะดีกว่า ออกจากโลตัสนึกได้ว่าลืมซื้อน้ำแข็งเลยต้องแวะ 7-11 อีกรอบ กว่าจะกลับถึงที่พักก็ได้เวลาละครหลังข่าวพอดี ไม่มีอะไรให้ทำแล้วสำหรับวันแรก กินๆ นอนๆ จริงๆ

เดิมทีตั้งใจว่าจะเขียนให้จบในเอนทรี่เดียว แต่จากเอนทรี่ก่อนเขียนยาวเกินไป รูปเยอะ โหลดนาน หากเข้าชมบล็อคจากทาง Mobile Device จะเกิดอาการหน่วยความจำสำหรับแสดงผลไม่พอ ภาพอะไรก็ไม่ต้องดูกันพอดีล่ะ คราวนี้เลยแบ่งเป็นตอนดีกว่า แล้วก็ขอจบตอนแรกที่ตรงนี้แล้วกัน เอาไว้อ่านต่อตอนหน้านะ

 

ภาพจากทริปนี้ คลิ๊กที่นี่

อ่านในแบบ Forum ก็ คลิ๊กลิ้งค์นี้ ครับ

 

| ตอนแรก | ตอนจบ |

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 เวลา 14:37 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น