| ตอนแรก | ตอนที่สอง |
> > > ลิ้งค์ไปอ่านแบบรีวิวในเวบบอร์ด > > >
Trip : Sai-Ngam Beach Resort @ Bang Berd Beach, Chumporn
Route : Bangkok - Bang Berd Beach, Patiew, Chumporn
Duration : 3D2N
Depart : SAT.5 MAY,2012
Arrive : MON.7 MAY.,2012
Destination : Bang berd beach, Sand dune, Wat Keawprasert, The great buddha amulet pagoda of loyalty announcement
ทริปนี้เป็นทริปที่เลื่อนมาจากช่วงวันจักรี ทั้งที่ confirm booking ไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 แล้ว แต่ก็ไม่เห็นได้รับ sms ยืนยันแต่อย่างใด คุณเจ้าของก็ได้แต่รับปากยืนยันกันทางโทรศัพท์เป็นมั่นเป็นเหมาะ พอโทรไปที่รีสอร์ทก็บอกไม่มี๊ไม่มี บอกไม่มีชื่อเราเล๊ย อ้าววว .. เป็นงงอ่ะดิ เลยได้นอนดูทีวีอยู่กับบ้านเลย
โทรไปหาเจ้าของอีกที ก็บอกว่าขอโทษๆ เด็กมันไม่รู้เลยปล่อยห้องให้แขกเข้าพักไปแล้ว ง่า .. แล้วตรูล่ะ confirm ล่วงหน้าตั้งหลายเดือนแล้วยังอดเลย ยังดีที่นึกเอะใจโทรไปก่อนวันเดินทางนะ ไม่อย่างงั้นไปเสียเที่ยวแหงๆ เลย ไม่ใช่ใกล้ๆ นะนั่น
ถ้างั้นเอาเป็นว่าเลื่อนไปเป็นช่วงวันฉัตรมงคลแทนแล้วกัน ถ้าไม่ได้ก็คืน voucher แล้วล่ะ ไม่ใช่ voucher แบบห้องพักลดราคานะจ๊ะ ของพวกเราเป็นแพ็คเกจทัวร์นะมีดำน้ำมีอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างด้วย แล้วก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะนั่น ก็บอกว่าขอไปเช็คก่อนเดี๋ยวโทรมาแจ้งอีกที
สักพักโทรกลับมาบอกว่า โอเคพวกเราได้ booking วันที่ 5-7 พฤษภาคม 2555 ก็เลยบอกให้ส่งแฟกซ์หรือ sms เข้ามาที่มือถือเพื่อยืนยัน booking และจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย เพราะครั้งก่อนพลาดไปอย่างแรง
เริ่มต้นกันไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่กับที่นี่ แต่จากการพูดคุยแล้วเค้าก็มีความตั้งใจที่จะชดเชยแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ พวกเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว อยากไปเที่ยวมากกว่าจะมาใส่ใจเรื่องหยุมหยิมแบบนั้น แล้วกำหนดการณ์ก็มาถึงซะทีกับวันเดินทางที่รอคอย
สมาชิกพร้อม รถพร้อม คนขับพร้อม ก็ออกเดินทางกันได้แล้ว ..
เช้าวันเสาร์แบบนี้ปริมาณรถบนท้องถนนยังไม่มากเท่าไหร่ รีบไปรับไอ่แว่นที่ตรงข้ามอิมพีเรียลลาดพร้าว แล้วเลี้ยวเข้าเลียบทางด่วนไปออกถนนพระราม 9 เลี้ยวขวาวิ่งตรงไปขึ้นทางด่วนที่ด่านพระราม 9 แล้วยาวไปลงถนนพระราม 2 ตรงไปออกวังมะนาว มีแวะปั๊ม ปตท. บนถนนพระราม 2 เพื่อหาอะไรกินรองท้องกันซักหน่อย ใครมียาอะไรต้องกินก็จัดการซะให้เรียบร้อย จากนี้จะไม่แวะซื้ออะไรอีกแล้วนอกจากแวะปั๊มเข้าห้องน้ำอย่างเดียว เพราะดูแล้วยังอีกไกลมากๆ เลย
ที่นี่เค้าเรียกตัวเองว่า “Life Station” เหมาะเป็นจุดแวะพัก, จุดนัดพบหรือจุดรวมพล เพราะมีความสะดวกสบายมากมายหลายหลากให้ได้เลือกสรรทั้ง 7-11, ร้านกาแฟ Amazon, ศูนย์อาหาร, ห้องน้ำห้องท่าก็สะอาด สถานที่กว้างขวางดูปลอดภัย ฯลฯ
วันหยุดยาวๆ แบบนี้ก็จะมีปริมาณรถที่ใช้เส้นทางถนนพระราม 2 นี้เป็นจำนวนมาก และปั๊มนี้ก็จะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เป็นจุดแวะพักของหลายๆ คน ที่มีจุดหมายปลายทางที่มุ่งลงไปเที่ยวภาคใต้ และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างชะอำ-หัวหินก็อยู่บนเส้นทางนี้ จึงเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวกรุงฯ ให้หลีกลี้หนีความวุ่ยวายในเมืองหลวง เพียงแค่มีวันหยุดสัก 2-3 วันก็หลบไปชาร์จแบตให้กับตัวเองได้แล้ว ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลนักนั่นเอง เส้นทางนี้จึงไม่เคยร้างลาจากเหล่านักท่องเที่ยวหัวใจใหม่ในปัจจุบัน
เอาล่ะแวะเข้าห้องน้ำ, ซื้อเสบียงกรังกันพอสมควร เราก็ออกเดินทางกันต่อเพราะระยะทางยังอีกยาวไกลนัก เวลาขับรถผ่านแหล่งท่องเที่ยวดังๆ เช่นชะอำหรือหัวหิน ปริมาณรถที่เป็นเพื่อนร่วมทางกันมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ก็จะแปรผกผันกับระยะทางที่มากขึ้น ยิ่งไกลออกไป เพื่อนร่วมทางก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะไปติดใจหลงเสน่ห์ของเมืองตากอากาศชื่อดังเหล่านั้นกันหมด ยิ่งเราวิ่งออกเส้นบายพาสไปออกปราณฯ ด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงปริมาณรถมหาศาลที่มุ่งหน้าสู่ชะอำ-หัวหิน
แล้วเราก็ได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในย่านชะอำ ที่กำลังเป็นฮือฮาและได้รับการกล่าวขวัญโจษจันกันอย่างมากในสังคมออนไลน์ ถึงความสวยงามและบรรยากาศดีๆ ที่คล้ายจะจำลองมาจากเกาะซานโตรินี่ในประเทศกรีซนั่นเลยทีเดียว สวนสนุกและช็อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ในย่านชะอำ “ซานโตรินี่ ปาร์ค” นั่นเอง
Link : http://yimpaen.com/w_view.php?w=kariean_news&p_id=5 (Search by Google.com)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก santoriniparkchaam.com และ เฟซบุ๊ก Santorini Park Cha-Am
เสียดายแต่ว่าอยู่ฝั่งขาขึ้น ถ้างั้นก็แวะตอนขากลับก็แล้วกัน ตอนนี้ต้องรีบบึ่งกันไปอีกไกล๊ไกล ผ่านมาถึงช่วงบายพาสหัวหิน-ปราณฯ เจ้าของรีสอร์ทที่จะไปพักโทรเข้ามา บอกขอโทษ .. ไอ่ป้าแว่นบอกจอดรถโดยด่วน สงสัยมีอะไรหรือเปล่า? หรือ booking มีปัญหาอีก แต่ดีที่ไม่ได้เป็นอย่างที่กลัวกัน ก็แค่โทรมาถามว่าถึงไหนแล้ว และก็จะขอโทษในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และได้จัดเตรียมที่พักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
เฮ้อ .. โล่งอกไปที แหม .. จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ก็เคยมีประวัติมาแล้วนี่นา ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาเนี่ยถึงกับไม่มีที่พักกันเลยนะนั่น วันหยุดยาวๆ แบบนี้ ชะอำ-หัวหินเต็มทุกที่แหงๆ
เอาล่ะไปกันต่อดีกว่า
ผ่านปราณบุรี - สามร้อยยอด - กุยบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ มาถึงทับสะแกเจอกับฝนตกหนัก แล้วฟ้าก็ขมุกขมัวไปตลอดทางจนถึงบางสะพาน - บางสะพานน้อย แล้วก็มาเข้าเขต อ.ปะทิว จ.ชุมพร เลี้ยวซ้ายตามป้ายวิ่งเข้าไปตามทางเป็นถนนราดยางอย่างดี เรียบนุ่มไม่มีปะตรงนั้นตรงนี้เหมือนถนนในเมืองกรุงบ้านเราที่ขุดๆ กลบๆ เล่นกันทุกวัน ผ่านป่าฝนชื้นๆ ตามแบบฉบับป่าทางใต้ อากาศดีมากๆๆๆ ปริมาณรถค่อนข้างน้อย นานๆ ถึงจะเจอเพื่อนร่วมทางซักคัน แต่ก็ดูไม่เปลี่ยวนะ เข้าไปลึกพอสมควรเลยล่ะ น่าจะประมาณ 20 กิโลเมตรได้ และแล้วก็ไปถึงที่หมายของเรา “ไทรงาม บีช รีสอร์ท”
เช็คอินเสร็จ เข้าเต๊นท์ดีกว่า เพลียมากขับรถมาตั้งประมาณ 450 กิโลเมตรได้ขอนอนก่อนล่ะ เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปหาข้าวหาปลากินกัน ตอนนี้หลับดีกว่า .. คร่อกกกก .. ฟรี๊ …
ตื่นมาตอนเย็นๆ แดดร่มลมตกแล้วก็เลยพากันออกไปหาอะรกินกันเป็นมื้อเย็นซักหน่อยซิ เห็นบุฟเฟ่ท์หมูกระทะราคาไม่แพงเลยขับเข้าไปดูซักหน่อย แต่มีเสียงทักท้วงว่าเมิงขับรถมาตั้งร่วม 500 กิโลเมตรแล้วจะมานั่งกินหมูกระทะกันมันจะดีเหรอว๊ะ? ที่กรุงเทพฯ ก็มีให้กินเยอะแยะ มาถึงทะเลทั้งทีมันต้องกิน Sea Food ว๊อย แล้วก็ได้ร้านนี้ที่หมายตาไว้ตั้งแต่ตอนขับผ่านเข้าไป ร้าน “ครัวต้นทาง” เป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เราได้ฝากท้องไว้สำหรับมื้อแรกที่บ้านบางเบิด
อาหารอร่อยดีครับ ราคาไม่แพงมาก อาหารออกเร็วไม่ต้องรอนาน นั่งมองทะเลไป กินข้าวเย็นไป เจริญอาหารดีแท้น้อ น้ำหนักพุ่งทะลุเกินพิกัดอีกซะละมั๊งเนี่ยะ ในเมื่อกินเข้าไปเยอะ ก็ต้องออกไปเดินออกกำลังย่อยอาหารซะหน่อย ไม่เช่นนั้นคงจะจุกจนนอนไม่ได้แน่ๆ
เลยชวนน้องเอแคลร์ลงไปเดินริมหาดถ่ายรูปพระจันทร์กันดีกว่า เห็นลอยสูงเด่นเป็นสง่า ดวงใหญ่สวยดี เพิ่งจะรู้ว่าวันนั้นมีปรากฎการณ์ Super Moon พอดี แต่ .. ลืมหยิบขาตั้งกล้องมา ไม่ใช่ลืมไว้ในรถนะแต่ลืมไว้ที่กรุงเทพฯ เลยอ่ะ มันน่าเขกหัวตัวเองซะจริงจริ๊ง เฮ้อ ..
ยืนกันตัวเกร็งทั้งพ่อทั้งลูกเลย กลั้นหายใจกันแทบแย่ ได้มาแค่เนี๊ยะแหละ อยากได้บรรยากาศรอบๆ ด้วย ขืนใช้ shutter speed เร็วๆ ก็คงจะได้เห็นแต่กระต่ายบนดวงจันทร์น่ะสิ ..
รูปนี้จากกล้องน้องเอแคลร์ Fuji J10, Compact camera ที่เหมาะกับ snap shot แต่เอามายืนถือถ่ายพระจันทร์กันตัวเกร็งเลย เร่ง ISO ก็แล้ว ปรับเป็นโปรแกรม anti-blur จะมี noise ก็ช่างมันก่อน …
(ซ้าย) อีกสักภาพกับพระจันทร์ส่องสว่างลอยคว้างอยู่เหนือหาดบางเบิด / (ขวา) ตรงเข้าไปนั่นแหละไปร้านหมูกระทะ ปลายทางเห็นเป็นท่าเรือด้วยนะ คาดว่าน่าจะมีอาหารทะเลสดๆ ขายบ้างล่ะน่า ..
อิ่มกันแล้วก็กลับรีสอร์ทไปนอนดูละครหลังข่าวดีกว่า เพราะมืดแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำ บริเวณรีสอร์ทจะค่อนข้างมืดและสงบเงียบพอสมควร ถ้าไม่มีกลุ่มข้าราชการที่มาดูงานแล้วพักอยู่รีสอร์ทข้างๆ มาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เปิดเครื่องเสียงกันดังสนั่นลั่นหาด โชว์ลูกคอ 18 ชั้นครวญเพลงคาราโอเกะโหวกเหวกเสียงดัง ก็นับว่าเป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบดีมากอีกที่หนึ่ง เหมาะแก่การมาพักผ่อนในแบบครอบครัว เต๊นท์ใครเต๊นท์มันเว้นระยะอยู่ห่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
คืนนั้นก็เลยต้องนอนดูทีวีกันไปเพลินๆ เพราะปาเข้าไปตี 2 แล้วท่านๆ ยังไม่ยอมเลิกกันเลย ดึกๆ พอเมากันได้ที่ ก็เริ่มมีเพลงเร็ว คว้าไมค์มาตะโกนใส่ไม่ได้เป็นเพลงอะไรเลย โห่ฮาวู้ว้าไม่เป็นโล้เป็นพายให้มันดังรบกวนชาวบ้านร้านช่องกันเข้าไปอีก ถ้าร้องกันเป็นเพลงก็ยังพอทำเนา แต่พวกขี้เมาแล้วบ้าไมค์ ชอบเอาไมค์มายึดไว้แล้วก็ทำเสียงประหลาดๆ โหวกเหวกโวยวาย ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นข้าราชการนะนั่น สังกัดกระทรวงทบวงกรมไหนไม่ขอกล่าวถึงแล้วกัน ที่ทราบเพราะว่าท่านทั้งหลายได้ประกาศศักดาหน่วยงานของตัวเองออกไมค์ตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ตอนนั้นดูเหมือนจะยังไม่เมา ผู้หลักผู้ใหญ่ในหน่วยงานยังนั่งเป็นประธานในพิธีอยู่ พอดึกๆ หน่อยก็เละเทะไปตามน้ำเปลี่ยนนิสัยที่กินเข้าไปนั่นแหละ
เฮ้อ .. กว่าจะเงียบได้ ปาเข้าไปเกือบตี 4 จะเช้าอยู่แล้วเน้อ ไม่รู้ว่าท่านๆ ทั้งหลายไม่คิดจะไปหลับไปนอนกันบ้างหรือไง? ผมเลยได้นอนซะที เดี๋ยวก็ต้องตื่นอีกแล้ว .. คร่อกกกก .. ฟรี๊ …
ตื่นเช้ามาแบบอิดโรยน่าดู เพราะกว่าจะได้นอน ด้วยอิทธิฤทธิ์ของแก๊งค์คาราโอเกะที่มาพักรีสอร์ทข้างๆ นั่นแหละ เล่นเอาปวดหัวตึ้บๆ เลยทีเดียว แต่ก็กัดฟันลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวไปทานอาหารเช้ากัน กว่ารวมตัวกันได้ครบก็ประมาณ 8 โมงเช้า อาหารเช้าก็เป็นแบบ ABF มาตรฐาน ส่วนของคุณอากับป้าแว่นที่มีทริปจะไปดำน้ำก็เลยต้องรีบๆ กิน ซึ่งรถที่มารับไปส่งลงเรือจะออกจากที่รีสอร์ทประมาณ 8 โมงครึ่ง ส่วนน้องเอแคลร์, คุณย่าและป๊ะป๋าไม่มีคิวไปดำน้ำก็เลยเจรจาขอเปลี่ยนจากดำน้ำไปเป็นอาหารกลางวันแทน ซึ่งทางรีสอร์ทก็ตกลงจัดหาไว้ให้ได้ตามที่ต้องการ
พอเสร็จจากเรื่องกิน ก็เลยพากันออกเดินเล่นเพื่อเก็บภาพบริเวณรอบๆ ห้องอาหารซักนิดหน่อย เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดค่ำเสียแล้วก็เลยยังไม่ได้ถ่ายรูป ก็พอจะได้ภาพมาบ้างบางส่วน แต่พอสายหน่อยชักเริ่มจะร้อนเหมือนกันแฮะ เลยเดินวนเวียนอยู่แถวๆ นั้นแหละ พอคุณย่ากินเสร็จแล้วก็เลยพากันยกขบวนกลับเต๊นท์ที่พักของเราดีกว่า
แดดอ่อนๆ ยามเช้า เริ่มเปลี่ยนเป็นแดดแรงๆ ยามสาย ช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้ทั่วทุกพื้นที่ในรีสอร์ทเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากยังเถลไถลอยู่เช่นนี้ผมคงจะไม่สามารถเดินตากแดดเพื่อเก็บภาพทั่วๆ รีสอร์ทได้ เลยตัดสินในออกไปเก็บภาพให้เรียบร้อยเสียก่อน พอได้เหงื่อเปียกๆ ก็กลับมานอนตากแอร์เย็นๆ ในเต้นท์ที่พักสบายใจเฉิบ ตัวก็ไม่ดำอีกด้วย
(ซ้าย) บริเวณหน้าเคาเตอร์เช็คอิน / (ขวา) มีตะเกียงเจ้าพายุด้วย สมัยผมยังเด็กๆ อยู่ที่บ้านนอกยังได้ใช้ตะเกียงแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นของตกแต่ง, ของสะสมไปซะแล้ว
กลับไปนอนเล่นตากแอร์เย็นๆ ในเต๊นท์ดีกว่า เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี ว่างสุดๆ แดดก็ร้อนจนไม่อยากออกไปเดินข้างนอก น้องเอแคลร์นอนเล่นเกมในไอโฟนของป๊ะป๋า ส่วนคุณย่านั่งดูทีวี ป๊ะป๋าก็เลยเข้าไปอาบน้ำดีกว่า ถือโอกาสพาเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมชมห้องน้ำสไตล์ Outdoor ของที่นี่ไปด้วยเลย
(ซ้าย) เรียกนายแบบกิตติมศักดิ์มาโชว์ตัวซะหน่อยก่อน / (ขวา) นี่แหละอ่างอาบน้ำสไตล์ Outdoor ที่บอก
(ซ้าย) ดูกันใกล้ๆ เหมือนอาบน้ำอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเลย ได้บรรยากาศแต่ความสะอาดไม่ผ่านนะ ฝุ่นเยอะแยะ มีมดแดงเดินอยู่ตามขอบอ่างด้วย / (ขวา) มีฝักบัวสำหรับล้างตัวอีกที่นึง เอาไว้ล้างทรายก่อนจะไปอาบในอ่างอีกที ตรงนี้ก็ติดต้นไม้อีกเหมือนกัน
(ซ้าย) มีอ่างล้างหน้า มีกระจกครบครัน แต่สภาพ … ดูเองดีกว่า มองแล้วให้ความรู้สึกไม่ค่อยสะอาดเลย ก๊อกน้ำก็เอามาแขวนไว้เฉยๆ ที่ขอบอ่างล้างหน้าซะหยั่งงั้น / (ขวา) ส้วมชักโครก ฝารองนั่งมีราเป็นจุดๆ ด้วย หลังม่านเปลือกหอยก็เป็นฝักบัวล้างตัวล้างทรายนั่นแหละ
(ซ้าย) แขวนเสื้อ กางเกง ผ้าเช็ดตัวกันตรงนี้แหละ ดูค่อยไม่สะอาดเลยนะ / (ขวา) พื้นเป็นหินกรวดฝังตอไม้ไว้เป็นทางเดิน ปลูกต้นไม้ไว้ริมรั้ว เอ่อ .. แต่ทั้งมดทั้งแมลงอะไรต่อมิอะไรเดินกันยั้วเยี้ยเลยครับ นั่งปลดทุกข์ไปก็ต้องคอยสังเกตทั้งพื้นทั้งด้านบนว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาแบบไม่ได้รับเชิญหรือเปล่า?
ดูกันชัดๆ อีกที Outdoor จริงจริ๊ง ไม่ต้องมีหรอกหลังคงหลังคา ถ้าฝนตกขึ้นมาจะทำยังไงกันเนี่ยะ จะปวดหนักปวดเบาแค่ไหนก็ต้องอั้นเอาไว้ก่อน รอฝนหยุด เฮ้อ ..
เอาล่ะอาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมานอนเล่นดูทีวีกันเพลินๆ ก็มีน้องพนักงานมาตามให้ไปกินข้าวกลางวันที่ห้องอาหาร เค้าจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ก็เลยพากันย้ายก้นลุกจากเตียงเดินไปกินข้าวกลางวันกัน มื้อนี้มีกับข้าว 3 อย่าง ทำได้อร่อยมากๆ จริงๆ เลยคิดจะฝากท้องกับมื้อเย็นที่รีสอร์ทซะเลยจะได้ไม่ต้องออกไปไหน แต่จากการสอบถามได้ความว่า ที่รีสอร์ทไม่มีแม่ครัวทำอาหารประจำที่นี่ มื้อนี้ของเรา 3 คนก็จ้างแม่ครัวมาทำให้โดยเฉพาะ เพราะเค้าไม่ได้ขายอาหารเป็นหลัก ส่วนอาหารเช้าเจ้าของกับพนักงานก็ช่วยๆ กันทำ เป็น ABF อยู่แล้วก็เลยไม่ยากเท่าไหร่
เลยได้มาถึงบางอ้อ เป็นอันว่าโครงการฝากท้องสำหรับมื้อเย็นไว้ที่รีสอร์ทเป็นอันต้องพับไปก่อน เนื่องจากไม่มีแม่ครัวมาทำอาหารให้นั่นเอง โอเค๊ ไม่เป็นไร เพราะออกไปริมหาดก็มีร้านอาหารให้เลือกกินมากมายหลายร้านอยู่แล้ว เดี๋ยวรอคุณอากับป้าแว่นมันกลับมาจากดำน้ำก่อนค่อยปรึกษากันอีกที
มาเที่ยวนี้มีแต่กินกับนอนจนกลมกะปุ๊กลุ๊กทั้งพ่อทั้งลูกแล้วเนี่ย และแล้วพอตกบ่ายวันนั้น ฝนก็ตกลงมาจริงๆ ตกหนักมากๆ ลมก็แรงอีกด้วย ทั้งที่เมื่อเช้าแดดยังร้อนเปรี้ยงอยู่เลย ผ่านไปไม่นานนักเต๊นท์ของเราก็มีน้ำเต็มพื้น จะว่าฝนสาดเข้ามาก็ไม่น่าจะใช่ น่าจะเป็นน้ำที่รั่วเข้ามาซะมากกว่าเพราะมันเยอะลยเชียวล่ะ
ว้า .. น้ำนองเต็มตลิ่ง ตั้งแต่ยังไม่ถึงลอยกระทงเล๊ยยยย
(ซ้าย) น้ำนองข้างเตียง แถวหน้าประตูหลังเต๊นท์ / (กลาง) คิดว่าคงน่าจะรั่วเข้ามาทางนี้แหละ / (ขวา) น้ำไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ กินพื้นที่เข้าไปจนตลอดความกว้างของเตียงเลยล่ะ
ตกเย็นฝนหยุด แต่อากาศชื้นๆ ไม่มีแดดออก น้องเอแคลร์เลยป๊ะป๋าชวนออกไปเล่นจานร่อนที่ริมหาด ไม่ได้เอากล้องไป หยิบไปแต่น้องไอ เผื่อฝนตกลงมาอีกจะได้เอาหลบๆ ไว้ได้ทัน เลยไม่มีรูปมาฝากแต่อัพบางส่วนของเมื่อวานไปไว้บนเฟซบุ๊คแล้ว เดี๋ยวจะลองลิ้งค์มาให้ดูกัน
(ซ้าย) บริเวณหาดบางเบิด / (ขวา) ก็หาดบางเบิดอีกนั่นแหละ หาดบางเบิดจะมีภูเขาและเกาะปิดทั้งหัวและท้ายอยู่
(ซ้าย) น้ำทะเลจะออกขุ่นๆ ไปซักหน่อย เพราะก่อนมาถึงฝนเพิ่งจะหยุดตก ไปหมาดๆ / (ขวา) ทรายที่หาดแถวๆ นี้ จะไม่ขาวปิ๊ง แต่จะออกเป็นทรายสีทองมากกว่า
นายแบบมายืนยิ้ม ชอบนักชอบหนา ลงเล่นน้ำเนี่ย ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำ, อ่างอาบน้ำหรือจะเป็นทะเลก็เถอะ
คุณอากลับจากดำน้ำเลยมาเล่นจานร่อนด้วยกัน เล่นไปเล่นมาน้องเอแคลร์เปียกมะล่อกมะแล่กทั้งตัว แล้วฝนก็ลงเม็ดอีกจนได้ เลยบอกให้ขึ้นได้แล้ว ส่วนป๊ะป๋ารีบเผ่นกลับเต๊นท์ก่อน น้องเอแคลร์กับคุณอายังอุตส่าห์ไปลงสระว่ายน้ำกันอีกแน่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี
ออกไปตามอีกรอบให้กลับมาอาบน้ำอาบท่ากันได้แล้ว จะได้ออกไปกินข้าวเย็นกัน วันนี้ตกลงก็ไปกินกันที่เดิมนั่นแหละ ร้าน “ครัวต้นทาง” ไม่ต้องไปไหนไกล อิ่มอร่อย ราคาไม่แพง ใกล้รีสอร์ทขับออกมานิดเดียวก็ถึงแล้ว
ระหว่างนั่งคอยอาหาร วันนี้คนเยอะ เต็มทุกโต๊ะเลย ก็เลยนานหน่อย กินน้ำส้มกันไปก่อนแล้วกัน
ถ่ายไม่ทันตลอด หันมาดูอีกที เหลือแต่จานว่างๆ .. แฮ่ม ..
เดี๋ยวไปติดตามต่อในตอนหน้าดีกว่า แค่นี้ก็โหลดกันนานแย่แล้ว ตอนหน้าจะพาเข้าไปดูบรรยากาศในเต๊นท์ที่เราพักกัน แล้วก็ไปชมที่เที่ยวที่เราแวะตามรายทางในวันเดินทางกลับด้วย
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่
https://plus.google.com/u/0/photos/103736898918551133698/albums/5865877006433497985
| ตอนแรก | ตอนที่สอง |
> > > ลิ้งค์ไปอ่านแบบรีวิวในเวบบอร์ด > > >
เขียนเมื่อ : วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2555 เวลา 2:46 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass
หาชมมานานค่ะขอบคุนที่มาเผยแพร่นะค่ะ
ตอบลบ