วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

5-7 AUG.,2012 – Sightseeing Singapore, The Final ..

| ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3 | ตอนที่ 4 |

หลังจากขึ้นรถที่มารับ เราสวนทางกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งจะมาถึง อย่างที่บอกแหละครับว่ามีแค่กลุ่มเรากับนักท่องเที่ยวระดับสูงวัยชาวเอเชียอีกสองท่านเท่านั้นที่กลับไปกับรถรอบนี้ แล้วก็แวะรับลูกค้าของทัวร์นี้ตามรายทางอีกไม่กี่คน ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น รถพาเรากลับมาถึงที่ Singapore Flyer มาถึงก็เดินๆ ขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะขึ้นไปชมวิวกัน

 

 

 
เดินตามทางบังคับ โดยเค้าจะจัดให้เราได้เดินผ่านส่วนจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ของประเทศสิงคโปร์ ..

จะเป็นทางบังคับให้เดินผ่านส่วนจัดแสดงต่างๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศนี้ในแต่ละทศวรรษที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว มีประวัติความเป็นมานับแต่เริ่มก่อร่างสร้างประเทศจนถึงวันนี้ยังไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ แต่ความเจริญของเค้ารุดหน้านำประเทศในแถบเดียวกันไปหลายขุม ผมก็เดินดูไปเรื่อยจัดอะไรให้ดูก็ดูไป แต่ความภูมิใจก็ยังอยู่ที่ประเทศไทยของเรา ที่มีเรื่องราวและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าเป็นประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรมานานหลายชั่วอายุคนนัก

 

 
จัดได้น่าเดินน่าชม .. แสงสีเสียงแพรวพราว มีลูกเล่น มีสื่อประสมมากมาย ตระการตาเชียวล่ะ ..

เดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เราก็จะถูกต้อนให้มายืนให้เค้าถ่ายภาพบนฉาก green screen เชื่อว่าตอนที่เราลงมาจะมีภาพของพวกเราที่เค้าเตรียมตัดต่อไว้ใส่ฉากหลังสวยๆ มาเรียกเงินจากกระเป๋าเราแน่ๆ แล้วถึงให้เราเดินผ่านไปเพื่อขึ้น Flyer กัน เราเดินออกมาจาก Flight Lounge เพียงกลุ่มเดียว แล้วตัว Flyer ก็หมุนมาแล้วด้วย จะมีช่วงเวลาสั้นๆ ให้เราเข้าไปข้างในเพราะจะต้องปิดล็อคจากด้านนอกโดยเจ้าหน้าที่เมื่อเลยจุดที่กำหนด นับเป็นโชคดีที่ไม่มีใครเดินออกมาพร้อมพวกเรา ก็เลยทำให้เราได้เป็นเจ้าของ Flyer นี้แต่เพียงกลุ่มเดียว .. 555+

 
ห้องสุดท้าย .. ก่อนที่จะออกไปขึ้นเจ้าล้อจักรยานยักษ์ ..

ปกติต่อหนึ่งรอบของล้อจักรยานยักษ์จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็มีโอกาสเก็บภาพรอบๆ ทุกทิศทางได้ตามใจ ไม่ต้องแย่งกับใคร จะนั่งจะนอน จะกลิ้งกันยังไงก็ได้ บรรยากาศโดยรอบก็ดูสวยดี กระจกอาจจะมัวๆ ไปนิด ท้องฟ้าอาจจะไม่ค่อยสดใส แต่ก็น่าประทับใจถ้าใครมาเที่ยวก็ควรจะได้มาลองขึ้นกันดูนะ ถ้าเป็นช่วงค่ำๆ น่าจะสวยงามกว่านี้อีก แต่คงต้องแย่งมุมสวยกันน่าดูล่ะ เพราะคงไม่ได้ Flyer ส่วนตัวแบบนี้แน่ๆ

 

 

 
มองเห็น Marina Bay Sand อยู่ใกล้ๆ แล้วก็สะพาน Helix ด้วย

 
ลานแสดงแสงสีเสียง ที่จะเริ่มการแสดงประมาณทุ่มครึ่ง ..

 
มองลงมา .. บรื๋อว์ .. สูงแฮะ .. / เหมือนล้อจักรยานยักษ์หรือเปล่า? ลองดูเอาสิ / เดินออกไปทางนี้ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก รูปที่เค้าถ่ายเรามาก็จะอยู่ที่นี่แหละ ..

เอาล่ะ .. หมดรอบแล้ว ออกมาก็เดินไปตามทางจะไปโผล่ที่ร้านขายของที่ระลึก นั่นไง .. มีรูปของเราให้เลือกใส่บนฉากหลังหลายแบบตามใจชอบ แต่เราไม่เอาอ่ะ ดูมัน Fake ไปหรือเปล่า? เลยเดินเลือกของฝากแบบอื่นดีกว่า ดูๆ แล้วก็เป็น Souvenir เหมือนที่อื่นทั่วไป ก็จะเป็นพวกโปสการ์ด, แม็กเน็ต, พวงกุญแจ, ปากกา, นาฬิกา, หมวก, สร้อย, เหรียญ, ไวน์, ของกินเล่น ฯลฯ ซึ่งผมไม่นิยมซื้อซะด้วยสิ เลยเลี่ยงออกไปเดินดูรอบๆ ซึ่งชั้นนี้ก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว

 
พื้นที่ในนั้นทั้งหมดเป็นของพวกเราแต่ผู้เดียว ไม่ต้องมีเพื่อนร่วมทางอ่ะ ..

จะว่าไป Singapore Flyer เนี่ยะ .. มีดีที่ล้อจักรยานยักษ์ที่พาเราขึ้นไปชมวิวจริงๆ นะ อย่างอื่นก็งั้นๆ แหละ ไม่ค่อยมี activity อย่างอื่นมาล่อตาล่อใจซักเท่าไหร่ เดินลงไปก็เจอกับนิทรรศการภาพถ่ายเรื่องราวของสิงคโปร์ ท่าทางจะสนับสนุนโดย NIKON นะ ภาพสวยๆ ทั้งนั้น เลยได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของเกาะแห่งนี้ที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกของคนที่นี่ จัดได้น่าดูน่าชมมากๆ แล้วที่พื้นยังมีงานศิลป์จากกล่องนมใช้แล้ว ที่เอามาจัดเรียงสร้างเป็นภาพแผนที่ของสิงคโปร์ อันนี้ไอเดียดีมากจริงๆ เป็นการ reuse ขยะมาสร้างเป็นงานศิลป์ ยกนิ้วให้เลย แต่การจัดแสดงและนำเสนอทำได้ไม่น่าสนใจ น่าเสียดายจริงๆ

 
แผนที่เกาะสิงคโปร์ ที่สร้างสรรค์จากกล่องนม .. ไอเดียดีจริงๆ


หมดรอบลงบันไดเลื่อนมาก็เจอกับนิทรรศการภาพถ่าย จัดโดยค่ายไหนคงไม่ต้องบอก (อิอิ .. เหลืองซะขนาดนั้น .. ภาพมันก็ฟ้องอยู่ชัดๆ แล้ว ..) ได้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของชาวสิงคโปร์ในอีกมุมมองที่แตกต่าง ที่มีต่อประเทศของเค้า สวยดีครับ ..

เดินออกมาจากอาคารก็เลยมานั่งกินไอศครีมกัน เป็นการหยุดพักให้สองขาได้ผ่อนคลายหลังจากที่พากันไปออกเดินกันมาทั้งวัน มองเห็น Marina Bay Sand Hotel ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ทางฝั่งโน้น ก็เลยตั้งใจว่าจะข้ามไปเพื่อขึ้นไปดูไปชมบรรยากาศข้างบนซะหน่อย ผมเลยเดินออกไปสำรวจเส้นทางที่ถนนเลียบหาดข้างๆ Singapore Flyer นี่แหละ เพื่อดูว่ามันจะเดินไปทางไหนได้บ้าง ไกลมากน้อยแค่ไหนพอจะเดินกันไหวหรือป่าว?

แล้วก็เลยพอจะสรุปได้ว่าสมาชิกต่างโหวตเป็นเสียงเดียวกันว่าขี้เกียจเดินและแบตฯ กล้องก็กำลังจะหมดแล้วด้วย ขึ้นไปคงไม่ได้เก็บภาพอะไรอยู่ดีนั่นแหละ ครั้งนี้เลยไม่ไปดีกว่าเอาไว้ก่อน เดี๋ยวคราวหน้าพวกเราค่อยมาเที่ยวกันใหม่ก็แล้วกัน เลยตกลงว่าจะไปเดินดูแค่สะพาน Helix ที่สร้างเลียนแบบรูปร่างคล้ายกับสาย DNA แล้วรอเก็บภาพตอนมืดอีกสักหน่อยก็พอแล้ว

 
ร้านไอศครีม .. อร่อยมาก .. สำหรับราคา .. ผมว่าแพงเลยเชียวล่ะ ..

 
เห็น Super Tree กับ Marina Bay Sand Hotel จากริมแม่น้ำเลย ..

 
ถนนเลียบริมแม่น้ำไปออกปากอ่าว .. (ไม่ล่มปากอ่าวครับ .. แต่ส่วนมากจะพาออกทะเลอ่ะ .. 555+) / ล้อจักรยานยักษ์ที่เราเพิ่งลงมานั่นแหละ .. / อีกมุมนึง ..

หลังจากเอร็ดอร่อยกับไอศครีม Gelatissimo แล้วก็เริ่มออกเดินไปตามถนนด้านหน้าแล้วข้ามไปสวนสาธารณะบริเวณสะพาน Helix ก็เลยชวนกันสองคนพ่อลูกพาเดินข้ามสะพานไปฝั่งโน้น เพื่อไปดูว่าเค้ามีอะไรกันบ้าง? เป็นการใช้เวลาระหว่างที่รอให้ฟ้ามืดนี่แหละให้เป็นประโยชน์ เดินกลับมาอีกทีฟ้าก็มืดพอดี สะพานและรอบๆ บริเวณก็เปิดไฟให้เก็บภาพได้พอดี แต่โชคไม่ดีที่แบตฯ กล้องที่เหลืออยู่น้อยนิดก็หมดลงโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถกดชัตเตอร์ได้อีกต่อไป จึงต้องหันมาพึ่งน้องไอให้ช่วยเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนแทน ก็นับว่าน้องไอทำหน้าที่ทดแทนกันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

 
เดินมาถึงสวนสาธารณะ / มีผลงานภาพวาดของเยาวชนแสดงอยู่ / นี่ก็เยาวชน (ของผมเอง) เหมือนกัน .. 555+

 
มองต่างมุม .. นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่ง / ผมเรียกว่าสะพาน DNA มีเหมือนสาย DNA ที่เห็นในช่อง Discovery เลยอ่ะนะ

 
เดินมาถึงกลางสะพานแล้ว ..

 
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น .. / เห็นเค้าบอกว่า .. มันคือดอกบัวอ่ะ .. แต่ผมมองเหมือนชามแตกๆ อ่ะ .. 555+

 
ข้างในเป็นห้าง .. เลยเข้าไปเดินตากแอร์กันซะหน่อย ..

 
รูปสุดท้ายก่อนแบตฯ กล้องจะหมดเกลี้ยง ..

 
เปรียบเทียบกันระหว่างกล้องของ iPhone4 (ซ้าย) และกล้อง Compact Fuji J10 (ขวา) ... สังเกตุได้ว่าน้องไอทำได้ดีไม่แพ้กล้อง compact เลยนะ ..

ถึงเวลาอันสมควรก็พากันกลับโรงแรม แผนการคือเดินไปที่ Esplanade เพื่อไปขึ้นรถ MRT กลับโรงแรม แต่พอไปถึงก็ยังไม่รู้อยู่ดีแหละว่าจะไปขึ้น MRT ได้ที่ตรงไหน เดือดร้อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องมาอธิบายให้พวกเราฟัง ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นคงได้เดินหา MRT กันอีกพักใหญ่เลยล่ะ สถานีที่เราต้องไปขึ้น MRT ก็คือ City Hall ไปลงที่ Lavender ได้เลย แวะกินข้าวเย็นกันเสียหน่อย แต่ละคนหิวโซกันมาเลย ที่เดิมครับไม่ต้องหาที่กินให้ไกลไป ชั่วโมงนี้อยากกินๆ ให้อิ่มๆ แล้วเข้าโรงแรมไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวกันเต็มที่แล้ว

 
ไฟที่พื้นสีสวยๆ หน้าสวนสาธารณะ / ไฟด้านหน้า Esplanade ถ่ายไว้ตอนเดินไปสถานี MRT

ก่อนเข้าโรงแรมต้องแวะซื้อน้ำเปล่าซัก 2-3 ขวด ที่ร้าน Old Changee อยู่ระหว่างทางเดินไปโรงแรมขายขวดละ $1 ถูกที่สุดเท่าที่เห็นในย่านนี้แล้วมั๊ง แล้วสมาชิกก็แวะร้านขายของที่ระลึกอีกหน่อยเพื่อซื้อของฝากคนที่บ้าน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อกันที่สนามบินอีก กลับขึ้นโรงแรมเตรียมเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยกันเสียตั้งแต่คืนนี้ ก็เป็นอันหมดโปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์สำหรับทริปนี้แล้วล่ะ .. นอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะกลับบ้านกันแล้ว ..

 
แวะซื้อของฝาก กระจุกกระจิก เล็กน้อยๆ .. / ร้านหัวมุมนั่นคนต่อแถวเยอะแยะเลย .. ขายดีจังวุ๊ย ..

ไม่ต้องรีบตื่นเพราะเครื่องออกตั้งบ่ายสองสี่สิบ ตื่นมาเกือบสิบโมงเช้า กินข้าวกินปลาเก็บข้าวของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แล้วขึ้น MRT ไปสนามบิน แวะคืน Tourist Pass ได้เงินคืนมาใบละ $1 เหรียญ นั่ง Sky Train ไปลง T1 เดินผ่านร้านค้าเกิดมีคนอยากได้ของแถมของ M&M เลยต้องซื้อช๊อคโกแล็ตติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกอย่าง แล้วก็เข้าไป drop กระเป๋า จากนั้นก็ไปผ่าน Immigration เสร็จพิธีการอย่างรวดเร็ว ยังเหลือเวลาอีกถมเถให้ไปเดินเล่นถ่ายรูปเครื่องบินกันได้ด้วย

 
นี่แหละครับ .. ของแถมจาก M&M .. มันคือลำโพงครับ ..

 
ก่อนเกทจะเปิด มานั่งรอเล่นๆ แถวนี้ .. ดูอะไรต่ออะไรไปเรื่อย ..


อืมมมม .. เห็นมาแต่ไกลเลย สีสันสดใสเตะตาอย่างแรง จนต้องเดินเข้ามาดูใกล้ๆ .. / ส่วนนี่คือตู้ไปรษณีย์อัตโนมัติครับ บร๊ะ .. เข้าท่าแฮะอันนี้ เผื่อใครลืมส่ง post card ถึงตัวเอง ก่อนจะเข้าไปในเกท ก็สามารถจัดการส่งได้ที่ตรงนี้เลย .. หน้าตาเหมือนตู้ ATM บ้านเรา ให้บริการส่งจดหมายได้ แต่กดตังค์ไม่ได้นะจ๊ะ .. 555+

14:40 น. ตามเวลาท้องถิ่น AirAsia FD3504 ก็แท็กซี่ออกจากหลุมจอด ออกไปจอดเข้าแถวรอคิว take-off จากหอควบคุม ในวันที่เราเดินทางกลับการจราจรบนรันเวย์ของ Changi Intl. Airport ค่อนข้างหนาแน่นมาก มีเครื่องของหลายๆ สายการบินจอดรอขึ้นอยู่หลายลำ มีเครื่องที่บนวนรอ landing อยู่บนท้องฟ้าก็เยอะ จะเรียกได้ว่ามีขึ้น-ลงสลับกันแทบจะทุกนาทีเลยทีเดียว กัปตันแจ้งว่าเครื่องของเราต้องจอดรอประมาณ 20 นาที แต่ถึงเวลาก็ออกบินได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

 
เจ้าหางเหลืองโน่นก็จอดรออยู่เหมือนกัน .. / เครื่องขึ้นแล้วจ้า .. / ท้องฟ้าสีสวย แดดแรงดี ..

เครื่องขึ้นแล้ว บังเอิญคราวนี้ผมได้นั่งริมหน้าต่างก็เลยหยิบน้องไอมาถ่ายรูปนี่โน่นนั่นไปได้ซักพัก ก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองเพื่อเข้าสู่ Sleep Mode เหมือนเดิม ตื่นมาอีกทีก็เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงขดเป็นกระเพาะหมูอยู่ข้างล่างพอดี แสดงว่าเรากำลังจะถึงสุวรรณภูมิในอีกไม่นานนี้แล้ว พร้อมกันกับฝนฟ้าที่พร้อมใจกันตกลงมาต้อนรับการกลับบ้านของพวกเรา แต่การ landing ก็ทำได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในเวลา 16:00 น.พอดีๆ เครื่อง A320 ของเราก็วิ่งต๊อกๆๆ มาเข้าที่หลุมจอดพร้อมกับมีงวงช้างให้เราเดินเข้าสู่ตัวอาคารโดยสะดวก ผมยังชอบที่จะใช้วิธีเข้าเครื่องสแกนที่ Immigration เช่นเดียวกับขาไป ก็เลยเสร็จก่อนคนอื่น เดินล่วงหน้าไปรอรับกระเป๋าก่อนใคร

 
แม่น้ำเจ้าพระยา .. / มาถึงสุวรรณภูมิ .. ฝนตกซะงั้น ..

พร้อมเพรียงกันแล้วก็เดินขึ้นมาออกตรงอาคารผู้โดยสารขาออก เพราะให้ที่บ้านมารับตรงนั้น สะดวกดี หาง่ายด้วย ขากลับเลยถือโอกาสแวะกินเชสเตอร์ กริลล์ซะหน่อยเพราะมื้อกลางวันยังตกถึงท้องกันเลย เด็กน้อยของเราก็ออกอาการบ่นว่าหิวแล้ว พวกเราเองก็อยากกินอะไรที่มันเผ็ดๆ ซักหน่อยเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็กลับถึงบ้านโดยปลอดภัยในเวลา 18:30 น. เป็นการปิดทริป Sightseeing Singapore โดยสมบูรณ์ ..

ขอขอบคุณเพื่อนบล็อคทุกท่าน ที่ติดตามรับชมกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนมาถึงบรรทัดนี้ พบกันอีกทีในทริปต่อไปครับ

ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่าน สวัสดีครับ

 

ไปอ่านรวดเดียวจบใน Forum ที่ลิ้งค์นี้ครับ ..

ส่วนรูปภาพเพิ่มเติมก็ไปตามลิ้งค์นี้ครับ ..

https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5865894329041429713?partnerid=gplp0

ขอบคุณเพื่อนบล็อคทุกท่าน ที่ติดตามรับชมกันตลอดมาครับ ..

 

| ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3 | ตอนที่ 4 |

 

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2555 เวลา 17:21 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น