วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

5-7 AUG.,2012 - Sightseeing Singapore

| ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3 | ตอนที่ 4 |

ช่วงนี้พอมีเวลาอยู่บ้าง ต้องรีบเขียน เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ไฟของนักเดินทางยังครุกรุ่นอยู่ในกาย หากปล่อยให้เนิ่นช้านานไป ความขี้เกียจเริ่มย่างกรายเข้ามาเกาะกุมร่างกายให้ขนหนาปกคลุมทั่วทั้งตัวเมื่อไหร่ละก็ รอไปยาวๆ เลยกว่าจะได้เขียน จากทริปสดๆ ก็เลยกลายเป็นทริปดองเค็มไปซะงั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาเริ่มกันเลยดีกว่า ..

ทริปนี้วางแพลนกันมาข้ามปี จากโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาถูกของหางแดง ที่เป็นคู่ตุนาหงันของเหล่าชนชั้นกลางทั่วไป ในสโลแกนที่ว่า “ใครๆ ก็บินได้ ..” ก็เลยทำให้เราได้บินกันในทริปนี้ เป็นการเที่ยวฉลองวันแม่ไปในตัว อีกอย่างเป็น ช่วง long weekend ด้วยจากวันอาสาฬหบูชาต่อกับวันเข้าพรรษา เลยคิดว่าถ้าพวกเราไปกันตั้งแต่วันพฤหัสฯ ที่เค้าเริ่มหยุดงานกัน ก็มีหวังทริปสิงคโปร์ของตรูคงกลายเป็นเดินเที่ยวตลาดนัดกลายๆ เพราะคงจะเต็มไปด้วยคนไทยเรานี่แหละที่พากันแห่ไปช๊อปปิ้งเต็มเมือง


images from http://www.airasia.com/th/th/home.page

เลยเลี่ยงไปเดินทางในวันที่เค้ากลับกันดีกว่า ไม่ต้องไปแย่งที่กินที่เที่ยวกับใครต่อใครด้วย ก็เลยมาออกเดินทางกันในวันอาทิตย์ด้วยประการฉะนี้ ขนาดวันอาทิตย์นะ ไฟลท์เช้าด้วย ที่นั่งก็ยังเกือบเต็มแทบทุกที่อยู่ดี แหมๆๆๆ .. ขายดีอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะถึงได้ออกโปรโมชั่นราคาถูกๆ เพื่อเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้า มาล่อให้พวกเราเสียตังค์ซื้ออยู่บ่อยๆ พวกเราก็เลยสนับสนุนไปรอบละไฟลท์สองไฟลท์ ปีนึงๆ ก็ปาเข้าไปหลายไฟลท์แล้วว่ะเนี่ยะ กระเป๋าแบนแฟนทิ้งไปตามๆ กัน 555+

โม้เยอะไปแล้วตรู น้ำทั้งนั้น เนื้อหายังไม่ปรากฎ พอจะเข้าเรื่องทีไรก็เริ่มออกทะเลไปซะก่อนทู๊กกกกกกกที อ่านๆ ดูเหมือนตรูเป็นสาวกหางแดงมาแอบโปรโมทเลยว่ะ แต่มิได้เป็นเช่นที่ท่านทั้งหลายคาดเดากันหรอก เพราะป๋มเองก็เสียตังค์ซื้อตั๋วเค้าไปเที่ยวเหมือนกัน ไม่ได้ราคาพิเศษอะไรเลย ที่ไปเที่ยวก็เพราะอยากไป ที่กลับมาเขียนบล็อคนี้ ก็เพราะอยากเขียนอยากเล่า (เหล้า) .. เอิ๊กๆๆ กินแล้วมันมาวววววดีอ่ะ .. แป่ว .. ตึ่ง โป๊ะ ..

มีวี่แววว่าบล็อคนี้ท่าทางจะยาวแฮะ .. เพราะนอกเรื่องเยอะซะเหลือเกิน .. งั้นรวบรัดตัดความมาตอนสุดท้ายเลยแล้วกัน .. ปิดทริปเลยคร๊าบบบบ .. (พลั๊วะ .. ผลั่ก .. เอ็งยังไม่ได้เขียนอะไรเลยนะเว๊ยยยย เจือกจะจบซะแร๊ว .. ทำเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไงฟร๊ะ .. เดี๋ยวปั๊ด .. เหนี่ยว ..)

คร๊าบบบๆๆๆๆๆๆๆ .. จะเขียนเดี๋ยวนี้แร๊ววววคร๊าบบบบบ .. (เฮ้ออออ .. กว่ามันจะเริ่มได้น้ออออ ..)


images from http://www.airasia.com/th/th/home.page 

เช็คอินผ่านอินเตอร์เน็ตไปจากบ้านตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง สั่งอาหารบนเครื่องไว้เป็นมื้อกลางวันด้วย เพราะไปถึงก็ปาเข้าไปบ่ายสองตามเวลาท้องถิ่นที่เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง พอถึงวันเดินทางเลยไม่ต้องรีบร้อนอะไรนัก แค่ไปรอ drop กระเป๋าอย่างเดียว แล้วก็ไปผ่าน Immigration ตอนนี้เครื่องสแกนติดตั้งให้ใช้งานกันได้แล้วนะครับ เลยขอลองของใหม่ซะหน่อย สะดวกรวดเร็วดีครับ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการผ่านขั้นตอนต่างๆ ไม่นับเวลารอนะ ถ้ารวมๆ แล้วก็ยังใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีอยู่ดี เร็วมากกกก อาจเพราะแถวที่เข้าตรวจด้วยเครื่องสแกนคนไม่นิยมใช้หรืออย่างไรไม่ทราบ คนน้อยเชียว ลองหันมองไปที่แถวปกติ เอ่อ .. จะเยอะไปไหน? ทำไมไม่เข้าเครื่องสแกนกันหนอ เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่า โดยมากเด็กกับคนสูงอายุจะสแกนไม่ค่อยผ่าน หรืออาจจะเพราะลายนิ้วมือไม่ชัดมั๊ง? เลยต้องไปต่อแถวยาวๆ นั่นอยูดี ส่วนผมยังเป็นหนุ่มแน่นๆ อวบๆ เลยผ่านสบายบรื๋อว์ ..

 

ผ่าน Immigration มาโดยไม่มีปัญหาใดๆ ก็เดินเล่นเรื่อยๆ ไปที่เกท A ไปถึงหน้าเกท ทำไมเกทยังไม่เปิดล่ะ? เลยเดินไปดูเกท B, C ไม่เปิดเหมือนกัน เห็นแต่คนมานอนหลับที่เก้าอี้หน้าเกท ชักเอะใจ หยิบ Boarding Pass ขึ้นมาดู .. บ๊ะ แหล่ว .. มาผิดเกทโว๊ยยยย .. อิ๊บอ๋ายแร๊วววว ไฟลท์ของตรูมันเกท E เว๊ยยยยย .. คนละทางกันเลย เดินอีกเป็นกิโลฯ เลย ต้องรีบโดยด่วนมิฉะนั้นอาจตกเครื่องพลาดเที่ยวบินนี้ได้ สมาชิกทีมเราต่างรีบโกยอ้าวกันน้ำ (เหงื่อ) บาน เดินเร็ววววมากกกจนเรียกได้ว่าวิ่งนั่นแหละ ผ่านร้านไหนตรูม่ายสน ไม่มีอารมณ์จะดูแล้วววว ..

แต่ก็ยังไม่วาย มีสาวน้อยสัญชาติญี่ปุ่น (อันนี้ สังเกตุเอาจากใบหน้า เปรียบเทียบกับหนังญี่ปุ่นที่เคยดู ..) ดูท่าทางกำลังรีบเหมือนกัน เดิน (เร็วๆ) สวนกัน เจ้าหล่อนก็มาทำ Boarding Pass ร่วงตุ้บตรงหน้าตรูซะอีก แหมมมม .. พระเจ้าจะมาเป็นใจให้ไอ้หนุ่มลูกทุ่งไทยใจเกินร้อยอย่างตรูจะได้มาพบรักกับสาวน้อยจากแดนอาทิตย์อุทัยในสถานการณ์แบบนี้เหรอเนี่ย .. (ฝันหวานอีกแร๊ววว .. 555+) เลยได้โอกาสตะโกนเรียกเธอลั่นสนามบิน ดั่งกับหนุ่มคนรักร้องเพรียกหาในเวลาที่ต้องจากกันไกล

Hey, Madam .. Is that your boarding pass ?

Ohhhhhhh, Yesssssss. Thank you. (กรุณาทำเสียงให้เซ็กซี่หน่อยนึง 555+)

ง่า .. แค่เนี๊ยะแหละ .. แล้วก็ต่างคนต่างรีบไปตามทางของตัวเอง .. 555+ กร๊ากกกกก .. ฝันค้างเรยยยย ..  แป่วววว .. สมน้ำหน้า .. เฮ่ย .. ยังไงก็สบายใจได้ทำความดีเว๊ยยยย (ปลอบใจตัวเอ๊ง ..) หากไม่ได้ตรูแล้วเจ้าหล่อนหา boarding pass ไม่เจอ ก็มีหวังอดขึ้นเครื่องแหงๆ .. ว่าแต่ว่าตอนนี้ถ้าขืนตรูมัวแต่ฝันค้างอยู่ .. ก็ตรูนี่แหละที่จะตกเครื่อง อดไปจริงๆ แบบไม่ต้องฝันเลยยยยคราวนี้


Special Thanks for image : http://minamikana.exteen.com/20110629/hongkong

เหล่าสมาชิกของเราไปถึงเกท E พร้อมหน้ากันทันเวลาพอดี กำลังบอร์ดผู้โดยสารกันอยู่เลย ยังมีเวลาเหลือพอที่จะไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาล้างเหงื่อออกซะหน่อย วิ่งมานี่ได้เหงื่อชื้นๆ เลยนะนั่น เหนื่อยทั่วกันเลยเชียว เสร็จแล้วก็ไปยื่นเอกสาร จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรอ passenger ชุดสุดท้ายอยู่ รอจนผู้โดยสารครบถ้วนก็ไปขึ้นเครื่องกัน

แบกเป้ใบเล็กใส่ขาตั้งกล้องอันน้อยไปใบนึงจับใส่ช่องวางของเหนือที่นั่งไปก่อนเลย ส่วนกระเป๋ากล้องเอาวางไว้ที่ใต้ที่นั่ง วันนี้ผู้โดยสารข้างๆ เป็นสาวแขกนั่งกับลูกเล็กๆ กำลังช่างพูดช่างคุย ผมนั่งติดทางเดินเลยได้ใกล้ชิดกับน้องๆ บนเครื่อง น่าร๊ากกันทุกคนเลย .. จริงๆ นะ

เครื่อง take off แล้วคร๊าบบบบ กำลังไต่ระดับขึ้นสู่เพดานบินของเรา ได้ยินแว่วๆ ว่าอยู่ที่ 33,000 ฟุตนะ (ถ้าจำไม่ผิด) ไฟสัญญาณรัดเข็มขัดดับแล้ว น้องๆ เริ่มเดินเสิร์ฟอาหารที่สั่งไว้ เตรียม boarding pass ของเราให้พร้อม เพื่อแสดงให้น้องๆ ดูว่าเราสั่งอะไรไว้จะได้เสิร์ฟถูกที่ ผมสั่งข้าวผัดกะเพราไว้ เปิดมา .. โอ้วววว .. กลิ่นหอมฉุยเลย แขกถึงกับงง กลิ่นร้อนแรงของผัดกะเพราแบบไทยๆ อร่อยซะด้วยสิ แป๊บเดียวเกลี้ยงเพราะอร่อยหรือหิวก็ไม่รู้

 

เสร็จแล้วก็เตรียมเขียน Immigration form ของสิงคโปร์ให้เสร็จทั้งขาเข้าขาออก เรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ sleep mode บรรยากาศบนเครื่องก็เหมือนๆ เดิมนั่นแหละ หลายคนก็ขึ้นเครื่องกันอยู่บ่อยๆ แล้ว มันก็ไม่รู้จะดูอะไร .. ว่าไม๊ล่ะ? ผู้โดยสารส่วนมากก็นอนกันซะเป็นส่วนใหญ่ จะมีเล่นเกมในโทรศัพท์บ้าง ฟัง iPod บ้างก็ตามแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่ .. หลับอ่ะจ้ะ ..

เครื่องถึง Changi ตรงเวลาเป๊ะ นาฬิกาบนข้อมือของผมบอกเวลาบ่ายโมง แต่เวลาท้องถิ่นคือบ่ายสองโมงแฮะ น้องไอของผมก็แสดงเวลาบ่ายสองกับเค้าด้วย ช่างรู้มากจริงๆ เลยนะเราเนี่ย เดินผ่านงวงช้างเข้ามาสู่ตัวอาคารสนามบิน เดินไปสู่ Arrival Hall เพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง มีหลายช่อง ว่างช่องไหนเดินเข้าไปได้เลย ยื่นเอกสารปุ๊บ เห็นหน้าผมซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัย เลยไม่ถามอะไร เก็บบัตรขาเข้าไป ลงตราใน passport แล้วก็ผ่านไปได้เลย (หรือเค้าจะรู้ว่า ถึงถามมากไป มันก็ฟังไม่รุ๊เรื่อง หน้าตาบื้อซะขนาดน๊านน ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูเลย 555+)

เดินตะล๊อกต๊อกแต๊กไปตามหากระเป๋าของตัวเองกันก่อน สงสัยผ่าน ตม. เร็วไปหน่อย กระเป๋ายังไม่ออกมาเลย ยืนรอก่อนแป๊บนึงกระเป๋าของพวกเราก็ไหลออกมาตามสายพาน กระเป๋าใครที่เป็นยี่ห้อยอดฮิต ทรงมาตรฐาน ทางที่ดีให้แปะสติกเกอร์หรือหาอะไรร้อยหูหิ้วเอาไว้ให้เห็นชัดๆ หรือเลือกที่สีแรงๆ แสบๆ เข้าไว้จะได้ไม่เหมือนใคร เพราะเวลามันอยู่บนสายพานเนี่ยะ มันจะดูคล้ายๆ กันไปหมด ส่วนของผมสีฟ้าสว่างสดใสใบสี่เหลี่ยมจตุรัสมองเห็นแต่ไกล พวกสีเทาสีดำยอดฮิตเนี่ย หยิบผิดหยิบถูกสลับกันไปอยู่คนละประเทศกันมานักต่อนักแล้ว

   

ได้กระเป๋าก็พากันไปขึ้น sky train เพื่อไป terminal 2 จะได้ไปต่อ MRT เข้าเมืองอีกทีนึง

เอาล่ะมาถึง T2 กันแล้วก็เดินลงไปสถานี MRT เงอะๆ งะๆ งึกๆ งักๆ เป็นปอยฝ้ายเลยตรู เห็นคนเค้าเข้าแถวซื้อตั๋วจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติก็เลยลากกระเป๋าเดินไปต่อแถวกับเค้าบ้าง ปรากฎว่าเหรียญไม่พอ แบงค์ก็ใหญ่เกินไป ต้องเดินไปแลกก่อนกลับมาต่อแถวใหม่อีกที ก็ยังซื้อไม่ได้อีก เลยไปที่ช่องขายตั๋วดีกว่า ยังไงๆ ก็ยังได้ถามได้คุยกับเจ้าหน้าที่กันบ้างล่ะน่า สรุปก็เลยเอา passport ไปซื้อ Tourist Pass มา ใช้ได้ถึงเที่ยงคืนของวันนั้น ขึ้นลงสายไหน กี่เที่ยวก็ได้ ราคา 10 เหรียญ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปซื้อตั๋วทุกสถานี สะดวกดี ได้เวลาไปขึ้นรถไฟกันแล้วคร๊าบบบพี่น้องงงง

 

จุดหมายปลายทางของเราคือสถานี Lavender แต่เราต้องไปต่อรถไปที่สถานี Tanah Merah ก่อนเพื่อเปลี่ยนขบวน แล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราครับ ..  Lavender Station .. เดินขึ้นบันไดเลื่อนมา เลี้ยวขวาตรงไปตามทาง แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเดินตรงไปก็จะเห็น V Hotel อยู่ทางขวามือ ไม่ไกลเลยครับ เดินทางสะดวกมาก จะไปเที่ยวไหนก็มี MRT ให้ขึ้นไปได้ทั่วทั้งเกาะเลย เป็นโรงแรมที่เหมาะมากๆ ราคาคืนละสามพันกว่าบาทแลกกับความสะดวกก็โอเคอยู่น๊า

เช็คอินกันก่อน แล้วขึ้นไปชมห้องพักกัน เราได้ชั้น 8 ห้อง 08-58 เอาไปซื้อหวยดีไม๊เนี่ย? อยู่ใกล้ลิฟท์ด้วย ก่อนจะกดชั้นที่เราพัก ต้องเอาการ์ดไปแตะๆ ก่อนถึงจะกดได้นะ ไอ่หนุ่มบ้านนอกอย่างตรูมึนเลย ออกจากลิฟท์ก็เดินไปที่ห้อง ต้องเอาการ์ดไปแตะก่อนคล้ายๆ กัน ถึงจะเปิดเข้าไปได้ ฮ่าๆๆๆ คราวนี้ตรูรู้แล้วเว๊ยยยย 555+

โรงแรมจะให้การ์ดมา 2 ใบ ผมใช้เสียบเพื่อเปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในห้องใบนึง อีกใบนึงเก็บไว้เผื่อออกไปนอกห้องจะได้กลับเข้าห้องได้ เอากระเป๋าวางให้เป็นที่เป็นทาง แล้วเรามาดูห้องพักกัน

 

ห้องที่ผมพักเป็นห้องแบบเตียง twin แต่สุดท้ายก็เลื่อนเตียงมาติดกันกลายเป็นเตียง double ไปซะ นอนกันสองคนพ่อลูก กว้างขวางสบายใจเฉิบกลมกลิ้งกันได้เต็มที่ มีตู้ใส่เสื้อผ้าให้ ข้างในมีตู้เซฟกับตู้เก็บของแบบใช้ไฟฟ้า ไม่อยากเรียกว่าตู้เย็น เพราะตลอดสามวันที่พักอยู่ที่นั่น มันไม่เคยมีความเย็นปรากฎให้เห็นเลยซักวินาที แม้จะปรับทุกปุ่มทุกวิถีทางแล้วก็ตาม (ฮา .. กริบ ..)

 

ถัดมาจากตู้เสื้อผ้าก็จะมี LED TV ติดอยู่ที่ผนังห้องด้วยนะ ชอบๆๆ ดูโอลิมปิคชัดดีอ่ะ ใต้ทีวีเป็นที่วางของสัมภารกของผม พร้อมทั้งยังมีปลั๊กไฟที่เป็นแบบ Universal เสียบได้ทุกแบบพร้อมสวิทช์ปิด-เปิดแยกแต่ละตัวเลย โล่งใจน้องไอกับพี่กล้องมีที่เสียบชาร์จแล้วเว๊ย แล้วยังเป็นที่รวมของสวิทชไฟให้แสงสว่างในห้องพักอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีชา, กาแฟ, กระติกต้มน้ำร้อนพร้อมกับน้ำเปล่า 2 ขวดวางไว้ให้พร้อมสรรพ แถมวางเมนูไว้ให้อ่านเล่นๆ อีก 1 เล่ม เผื่อจะมีใครสั่งอะไรเย็นๆ มาจิบเพลินๆ .. หึหึ .. แต่บอยไม๊ดื่มมมมน๊ะคร๊า ..!!! .. 555+

ย้อนกลับมาดูที่ห้องน้ำกันบ้างนะ .. ห้องอาบน้ำเป็นกระจกใสกั้นไว้ เป็นระบบน้ำร้อน-เย็น ไม่มี rain Shower นะ ไม่ใช่รีสอร์ทนี่หว่า ถัดออกมาก็เป็นส้วมชักโครกครับ อันนี้ไม่มีน้ำร้อนนะ เดี๋ยวตรูดจะพองซะก่อน มีเรื่องน่าอายที่ไม่อยากจะบอกเลยว่า เฟอะฟะมากเลยตรู หาที่กดน้ำก็ไม่เจออ่ะ ที่บ้านเราปกติที่กดน้ำมันจะอยู่ใกล้ๆ ส้วมนั่นแหละ แต่ที่นี่มันอยู่ซะสูงเชียว ทีแรกตรูนึกว่าช่องเก็บกระดาษทิชชู่ กว่าจะรู้ว่าเป็นที่กดน้ำก็หากันอยู่นานเลยล่ะ จะโทรลงไปถามก็อ๊าย .. อาย .. เดี๋ยวเค้าจะหาว่าคนไทยนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย .. เสียชื่อหม๊ดดดด .. 555+

แล้วก็มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานยาวใหญ่ มีอุปกรณ์ในห้องน้ำครบครัน แต่ผมก็ยังเตรียมมาเองอยู่ดี ด้วยความเคยชิน แต่ก็ยังเก็บขวดที่ใส่ครีมอาบน้ำ ที่ใส่แชมพูกลับมาบ้านด้วย ฝามันปิดแน่นดี ขวดดูแข็งแรงกว่าขวดพลาสติกแบบถูกๆ ของบ้านเรา เอาใส่ครีมอาบน้ำจากที่บ้านเวลาไปเที่ยวมันจะไม่หกเลอะเทอะ เลยเอากลับมาหมดเลยทั้งที่ใช้และยังไม่ใช้ กลายเป็นของสะสมไปแล้วอ่ะ .. 555+

ออกจากห้องน้ำ หันไปดุที่ประตูจะเจอกับ Floor Plan พยายามจำทางออกฉุกเฉินกับบันไดหนีไฟเอาไว้ให้ดีนะครับ ทำไว้ให้เป็นนิสัยเลยจะดีมาก ถ้ามองไม่ออกดูแล้วไม่เข้าใจ ก็เดินไปดูเลยครับเพื่อความปลอดภัยของเราเอง จะได้ดูว่ามันยังใช้งานได้ดีอยู่ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือเปล่า? เดินไปดูไว้ก็ไม่เสียหลาย เกิดอะไรฉุหเฉินขึ้นมาก็จะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

ส่วนข้างหน้าประตูห้องน้ำก็จะมีที่เสียบการ์ดเพื่อเปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมดของห้องพัก พร้อมกับสวิทช์ไฟห้องน้ำและสวิทช์สองทางของไฟหัวเตียง สุดท้ายก็เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิที่ดูเหมือนมันจะใช้การอะไรไม่ได้ เพราะผมตั้งเอาไว้ที่ 25 องศานะ แต่สองคนพ่อลูกก็ยังต้องนอนห่มผ้ากอดกันกลม เพราะว่ามันหนาวเหลือเกิน อย่างกับซักสิบองศาน่าจะได้ ลองพยายามอยู่หลายวิธีแล้วเพื่อจะปรับให้มันอุ่นขึ้นกว่านี้ซักหน่อย แต่ดูเหมือนความพยายามของพวกเราจะไม่เป็นผล เพราะก็ไม่เห็นว่ามันจะเย็นน้อยลงเลยซักนิดเดียว .. 555+ (แต่ก็ยังดีกว่าไม่เย็นล่ะน่า .. ว่าไม๊?)

อืมมมม .. หรือว่าเป็นที่เราเองนะ .. ที่ปรับของเค้าไม่เป็น ..

บอกแล้วว่าท่าทางจะยาว ทีแรกว่าจะให้จบในเอนทรีเดียว สุดท้ายก็ไม่สามารถ ยกยอดไปเอนทรีต่อไปแล้วกันนะ ..

ถ้าใจร้อนอยากอ่านแบบจบเลย ก็ต้องไปอ่านใน Forum อ่ะ อันนั้นก็ลากยาวเลยกว่าจะจบ โพสกันเมื่อยเลย คนอ่านก็นั่งอ่านกันให้เมื่อยหลังปวดตรูดกันไปข้างนึงล่ะ ดูซิว่าใครจะอึดกว่ากัน .. 555+

ลองไปอ่านกันได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ ..

ส่วนรูปภาพเพิ่มเติมของทริปนี้ก็ต้องไปที่ลิ้งค์นี้ครับ
https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5865894329041429713?partnerid=gplp0

ขอบคุณเพื่อนบล็อคทุกท่าน ที่ติดตามรับชมกันตลอดมาครับ ..

 

| ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3 | ตอนที่ 4 |

 

เขียนเมื่อ : วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2555 เวลา 3:25 น. GMT+7 TH
ผู้เขียน : Tombass

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น