วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

20120510-14 .. ทริปลาวใต้ .. สะบายดีปากเซ .. วันที่สาม

| วันแรก | วันที่สอง | วันที่สาม | วันที่สี่ | วันที่ห้า |


เมืองปากเซ .. ยามเช้า ..

หลังจากห่างหายจากการอัพบล็อคไปนานเป็นเดือน เพราะมีภารกิจสำคัญให้ทำด่วน ต้องรีบจัดการให้เสร็จก่อน กอรปกับมีปัญหากับ DNS เซิร์ฟเวอร์ของ ISP ที่ใช้งานอยู่ ไม่ยอมแปลง IP ของเวบไซต์ที่ฝากรูปให้ พอเรียกบล็อคขึ้นมา รูปภาพก็ลายเป็น Broken Link ทั้งหมด เลยตั้งใจว่าจะหยุดอัพบล็อคชั่วคราว กว่าจะรู้ตัวแล้วกลับมาแก้ไขได้เรียบร้อย ก็รอดูสถานการณ์อยู่นานเกือบเดือนตามที่เขียนไปในบล็อคก่อนนั่นแหละ

ตั้งใจว่าจะอัพให้จบทริปลาวใต้ภายใน 2-3 วันนี้ล่ะ เพราะมีทริปใหม่เพิ่งไป sightseeing ที่สิงคโปร์มารอจ่อคิวให้อัพอยู่เนี่ย ขืนชักช้ามีหวังก็กลายเป็นบล็อคดองเค็มกันไปอีกเป็นเดือนแหงๆ .. เอาล่ะกลับมาอัพบล็อคกันต่อดีกว่า ..

วันที่สาม (12 พฤษภาคม 2555) วันนี้ตามโปรแกรมแล้วจะเดินทางไปเที่ยวที่ไกลๆ ก่อน โดยจะไปที่บ้านนากะสัง เพื่อลงเรือล่องแม่น้ำโขงเข้าสู่บริเวณที่เรียกกันว่า มหานทีสี่พันดอน เพื่อไปเที่ยวน้ำตกหลี่ผี แล้วก็กลับมาต่อที่คอนพะเพ็ง ซึ่งอยู่บนเส้นทางกลับปากเซไม่ไกลจากน้ำตกหลี่ผีนั่นแหละ

วันนี้ตื่นเช้ามาตามกำหนดเดิม 6-7-8 เช้านี้เป็น ABF, A La Cart แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมายเพราะกินเพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้นแต่ละคนจะได้กินยาประจำตัวกัน

 
ยามเช้าที่สะพานข้ามแม่น้ำเซโดน / มื้อเช้าของเราเอง .. 

 
นั่งทานอาหารเช้ากันที่นี่แหละ / มีสวนหย่อมให้ชมกัน ร่มรื่นชื่นใจ ..

ประมาณแปดโมงครึ่งก็เริ่มออกเดินทางไปบ้านนากะสัง ระยะทางจากปากเซถึงบ้านนากะสังก็ประมาณ 150 กิโลเมตรได้ กำลังเพลินเพลงลูกทุ่งจากศิลปินไทยที่เปิดให่ฟังกันในรถตู้ ก็พลันนึกได้ว่า .. เฮ้ย โทละสับของตรูอยู่หนายฟร๊ะ? รื้อๆ ค้นๆ ก้มๆ เงยๆ หาในกระเป๋ากล้องก็ไม่เจอ สรุปโดยส่วนตัวได้ว่าน่าจะลืมเอาไว้ในห้องที่โรงแรมนั่นแล เลยให้ไกด์บุนล้นช่วยโทรกลับไปแจ้งที่โรงแรมให้เก็บเอาไว้ให้ด้วย เพราะก่อนออกมาแจ้งที่ฟร้อนท์ว่าให้เข้าไปช่วยทำห้องให้หน่อย ให้ช่วยบอกแม่บ้านให้เก็บมาฝากไว้ที่ฟร้อนท์ก็ได้

แต่ก็ใจหายแว๊บ กระวนกระวาย ตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ดี เพราะเคยลืมของไว้ที่รีสอร์ทมีชื่อแห่งหนึ่งในเมืองไทยนี่แหละ รู้สึกตัวว่าลืมของเลยโทรกลับไปบอกว่าเดี๋ยวจะกลับไปเอาของ มันบอกว่าไม่เห็นมี ไม่เห็นอะไรเลย ทั้งที่เช็คเอ้าท์ออกมายังไม่ได้ 15 นาทีเลย ขนาดรู้สึกตัวเร็วนะยังไม่ได้คืนเลย จะโทษใครได้ก็เราสะเพร่าเองนี่นา ฟาดเคราะห์ไป .. เฮ้อ ..

เดี๋ยวเย็นๆ กลับไป ก็จะได้รู้กัน .. ว่าจะได้พาน้องไอกลับเมืองไทยหรือเปล่า?

เอ้ากลับมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า ..


ระหว่างทาง .. ผ่านโรงงานผลิตเบยลาว ..

ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ ไปถึงที่ท่าเรือบ้านนากะสังเวลาประมาณ 11 โมงนิดหน่อย รถตู้จอดส่งเราลงที่หน้าปั๊ม แล้วคุณสิทธิ์ก็เอารถไปจอด ส่วนไกด์บุนล้นก็เดินล่วงหน้าลงไปติดต่อเช่าเหมาเรือเพื่อเดินทางไปดอนเดด พวกเราก็เดินตามไกด์บุนล้นไปติดๆ


ท่าเรือบ้านนากะสัง .. เดินไปสุดทางนั่นแหละ แล้วลงบันไดไปอีกหน่อย ..

ลงบันไดไปริมหาดทราย อืมมม .. น่าจะเป็นทรายที่อยู่ในแม่น้ำโขงมากกว่า พอน้ำลดในหน้านี้ก็เลยมีหาดทรายกว้างและยาวให้ได้เห็นขนาดความกว้างจาดริมตลิ่งลงไปถึงริมน้ำก็ประมาณซัก 2 ความกว้างของสนามฟุตบอลน่าจะได้ ชาวบ้านก็ไปตั้งเพิงขายของกันริมน้ำอีกที แต่ขอบอกว่า ร้อนอิ๊บอ๋ายเลยไม่มีร่มเงาใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากเพิงพักที่ขายน้ำขายอาหารของชาวบ้านเท่านั้น

 
เดินลงบันไดมาก็จะเจอหาดทราย .. / ชาวบ้านมาตั้งเพิงขายของอยู่ริมน้ำ ..

ติดต่อเหมาเรือเป็นที่เรียบร้อยก็ออกเดินทางกันได้ เป็นเรือหางยาวล่องไปตามแม่น้ำโขง ผ่านเกาะแก่งต่างๆ มากมายที่อยู่กลางน้ำ ทั้งเล็กแบบมีแต่กอหญ้า หรือใหญ่ขนาดไปตั้งบ้านเรือน เอาวัวเอาควายไปเลี้ยงกันได้ก็มี เวลาหน้าแล้งแบบนี้ชาวบ้านก็จะเอาผักหญ้าไปปลูกกันไว้ แล้วขับเรือมาเก็บผลผลิต ส่วนถ้าเป็นหน้าน้ำ เกาะแก่งเหล่านี้บางแห่งก็จมหายไปจนมิด บางแห่งก็เหลือโผล่มาแต่ยอด แต่แปลกที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บนเกาะแก่งต่างๆ ก็เติบโตอยู่ได้ไม่เป็นปัญหาอะไร

 
ล่องตามลำน้ำโขง / ชาวบ้านมาปลูกพืชพันธุ์กันบนเกาะใหญ่แบบนี้แหละ ..

กลางแม่น้ำโขงจะมีหลักหรือเสาปูนที่พวกฝรั่งเศสมาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคม บนยอดเสาจะมีสีต่างๆ เพื่อแสดงระดับความลึกเอาไว้ด้วย เพื่อประโยชน์ในการหาร่องน้ำสำหรับเดินเรือ เพราะใต้แม่น้ำโขงมีทั้งส่วนที่เป็นพื้นทรายและส่วนที่เป็นโบกหรือเนินหินขนาดใหญ่กระจัดกระจายทั่วทั้งลำน้ำ เรือที่มีระวางขับน้ำลึกๆ ก็อาจได้รับความเสียหายได้หากไม่ทราบว่าร่องน้ำลึกเท่าใด

 
หลักบอกระดับน้ำ .. ปักอยู่กลางแม่น้ำโขง .. ฝรั่งเศสมาสร้างเอาไว้ ..

ใช้เวลาล่องแม่น้ำโขงอยู่ประมาณ 20 นาที เรือก็พาพวกเรามาส่งขึ้นที่ท่าเรือดอนเดด จากนั้นก็เหมารถ 5 แถวเพื่อเดินทางต่อ ข้ามสะพานไปดอนคอน เพื่อไปสุดทางที่หลี่ผี .. คำว่า “หลี่” หมายถึงเครื่องมือจับปลาของชาวบ้านนี่แหละ ส่วนคำว่า “ผี” ก็หมายถึงศพ ที่มาของหลี่ผีก็คือเป็นน้ำตกที่มีโขดหินน้อยใหญ่สลับซับซ้อนมากมาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่ตกน้ำโขงตายจะลอยไปไม่พ้นจากบริเวณนี้ ต้องมาติดอยู่ตามซอกหินที่นี่อยู่เป็นประจำ ดังเช่นปลาที่เข้ามาติดกับดักยังไงหยั่งงั้นนั่นเอง ชาวบ้านเลยพากันตั้งชื่อให้น้ำตกแห่งนี้ว่าหลี่ผี โดยที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า น้ำตกสมพะมิด

 
พวกเรามาขึ้นกันที่นี่แหละ ..

 
ท่าเรือดอนเดด ..

 
นี่แหละ .. คือหน้าตาของรถ 5 แถว .. ที่จะพาเราไปหลี่ผี ..

จากที่รถ 5 แถวจอดส่งเรา ก็ต้องเดินต่อกันเข้าไปอีกนิดหน่อย เพื่อเข้าไปให้ถึงจุดชมวิวของหลี่ผี ระหว่างทางก็มีร้านค้าขายน้ำ อาหารของขบเคี้ยว จะกินเล่นกินจริงก็มีให้ซื้อหา ของที่ระลึกก็มีบริการให้จับจ่ายเพียบพร้อม พวกเราใช้เวลาในเก็บภาพกันไม่นาน เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานว่า อันตัวข้านี้ก็มาเยือนถึงถิ่นนี้แล้ว (เก็บแต่ภาพถ่ายกลับมาครับ ไม่ได้ไปขีดขูดเขียนอะไรฝากไว้แม้แต่น้อย .. ไม่ได้เป็นบุพการีของสถาบันใดๆ ทั้งสิ้น .. 555+) ก็เดินทางกลับ มาท่าเรือดอนเดด ระหว่างทางไกด์บุนล้นพาเข้าไปดูหัวรถจักรเก่า ฝรั่งเศสเอามาทิ้งไว้ไม่ได้เอากลับไปด้วย

 
ชาวต่างชาติชอบเช่าจักรยานแล้วจ้างไกด์ชาวลาว .. พาเที่ยว .. / บางกลุ่มก็เป็นพวกขาลุยแบ็คแพ็คกันมาเลย แบบค่ำไหนนอนนั่น .. / ข้ามสะพานมาก็ต้องจอดซื้อปี้กันก่อน .. แล้วค่อยไปกันต่อ


ตรงนี้เป็นบ่อนขายปี้ .. อยู่ข้างสะพานนั่นแหละ ..

 
10 ไฮไลท์ของ .. มหานทีสี่พันดอน ..


ทางเข้า .. เดินเข้าไปอีกหน่อย ..

 
น้องกระบือเจ้าถิ่น เดินเล่นกันตามถนน .. / สองข้างทางมีร้านขายน้ำ ขายอาหาร ของที่ระลึกให้ได้ซื้อหากันหลายร้าน

 

 
มาถึงหลี่ผีแล้ว .. เอาภาพมาฝากกันซักหน่อยดีกว่า ..

 
“หลี่” คนลาวใช้เรียกเครื่องมือจับสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง ..

ก็เลยมาถึงบางอ้อ ตรงที่ไกด์บุนล้นเล่าให้ฟังว่า ถนนหนทางบนดอดเดด ดอนคอนที่เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขงเนี่ย เดิมทีแล้วเป็นเส้นทางที่วางรางรถไฟไว้ แต่พอเลิกใช้รถไฟก็เลยรื้อรางออก แล้วเอามาใช้เป็นถนนแทน มิน่าล่ะ ถนนบนนี้ถึงได้แคบนักหนา ขนาดที่เรียกได้ว่ารถสองคันขับสวนกันไม่ได้เลยล่ะ ขนาดจักนยานที่ขี่กันอยู่ พอรถ 5 แถววิ่งมาก็ต้องจอดแล้วหลบออกข้างทางให้รถใหญ่ไปก่อนเลยซะด้วยซ้ำ

ผ่านหมู่บ้านเพื่อเข้าไปดูหัวรถจักร แต่ไม่ได้จอดดูหรอกแค่ขับผ่านไปดูเฉยๆ กลับมาถึงดอนเดดก็ลงเรือเพื่อล่องแม่น้ำโขงกลับมาที่ท่าเรือบ้านนากะสัง ตอนเที่ยงกว่าๆ แดดกำลังร้อนเปรี้ยงเลย หน้าดำ ตัวดำกันเห็นๆ เดินขึ้นบันไดมาบนถนน กลับมารอรถตู้ของเราที่เดิมหน้าปั๊ม ไกด์บุนล้นเดินไปตามรถตู้ให้มารับเรา แล้วก็ออกเดินทางกันไปโปรแกรมต่อไป

 
ป้ายบอกทางเข้าไปดูหัวรถจักร .. / หัวรถจักรไอน้ำ .. เศษซากของยุคล่าอาณานิคม

 
กลับมาถึงท่าเรือบ้านนากะสัง .. / สามารถติดต่อเช่าเหมาเรือกันได้ที่นี่ .. / หาดทรายกว้างๆ .. เดินผ่านไปขึ้นบันไดเพื่อกลับไปรอรถตู้ .. แต่ขอบอก .. ร้อนอิ๊บอ๋ายจริงๆ นะ ..เอ้า ..

ขึ้นรถได้ เอ้ออออ .. ได้แอร์เข้าไป ค่อยเย็นชื่นใจหน่อย เวลาขณะนั้นก็ประมาณบ่ายโมงเศษๆ แล้ว สมาชิกเริ่มบ่นหิวข้าวกลางวันกันแล้ว โปรแกรมเที่ยวชมไร่ชาเลยถูกตัดออกไป มุ่งหน้าไปคอนพะเพ็งกันเลยดีกว่า ไกด์บุนล้นจองอาหารมื้อกลางวันเอาไว้ให้ที่ร้านแม่จันหอม ที่คอนพะเพ็งนั่นแหละ เลยพร้อมใจกันมุ่งหน้าไปกินข้าวกลางวันดีกว่า

 
ยินดีต้อนรับ พร้อมแจ้งราคาปี้ .. / ศาลาเก็บปี้ที่หน้าทางเข้า .. / ร้านขายของกิน ของฝากตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทางเข้า

ไม่ไกลเท่าไหร่เลยจากหลี่ผีมาถึงคอนพะเพ็ง ใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 10 นาทีนะ เหมือนเดิมคือจากจุดจอดรถตู้ก็เดินเข้าไปอีกหน่อย ทางเดินไม่โหดเดินกันสบายๆ เป้าหมายอยู่ที่ร้านอาหารแม่จันหอม เป็นกับข้างแบบบุฟเฟ่ท์นะ กับข้าว 4-5 อย่าง หมดเมื่อไหร่เติมได้ไม่อั้น กินกันให้ปลิ้นกันไปข้างนึงเลย ร้านนี้ได้ประกาศนียบัตรอาหารอร่อย สะอาดด้วยนะมีป้ายติดโชว์ไว้ที่หน้าร้านเลย แนะนำเลยถ้ามีกินร้านนี้ .. อย่าลืมสั่งส้มตำ พลาดไม่ได้เลย อร่อยมากกกกก ตำได้เด็ดดวงเหลือหลายคร๊าบบบพี่น้อง ทุกเสียงของผู้ร่วมทริปคราวนี้ คอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกัน กับข้าวอื่นก็อร่อยใช้ได้ทุกอย่าง ถ้าจะไปกินแล้วได้โปรแบบนี้ เห็นควรด้วยที่จะให้ไกด์เป็นคนจองให้น่าจะดีที่สุด

 
ร้านอาหาร จำปาทอง-แม่จันหอม / ได้รับป้ายประกาศนียบัตรรับประกันความอร่อย สะอาด ..


คิดว่าน่าจะได้รับคณะทัวร์บ่อยๆ .. เพราะตั้งโต๊ะยาวไว้รอไกด์พาลูกทัวร์มากินข้าวกลางวัน .. ต้องจองนะนั่น ..


มีไอศครีมวอลล์ให้กินด้วย ราคาไม่แพงกว่าที่เมืองไทยเท่าไหร่หรอก ..

อิ่มกันถ้วนทั่วทุกคนแล้ว ตบท้ายล้างปากกันด้วยไอศครีมวอลล์ครับ มีขายให้ได้ชื่นใจกันในราคาที่ไม่แตกต่างจากเมืองไทยซักเท่าไหร่ ยังยอมรับกันได้แบบไม่เคอะเขิน จากนั้นก็พากันเดินย่อยอาหารเข้าไปอีกประมาณ 150 เมตร เพื่อเข้าไปที่ศาลาชมวิวของคอนพะเพ็ง เพื่อชมแม่โขงไหลเปลี่ยนระดับผ่านโขดหินใหญ่ที่ขวางกั้นลำน้ำเอาไว้ กระแสน้ำบริเวณนี้จะไหลแรงมาก จนมองเห็นเหมือนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เลยทีเดียว จนถูกขนานนามว่า ไนแองการ่าแห่งเอเชีย ละอองน้ำกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้อากาศแถวนี้ดูชุ่มชื้น เย็นสบายไม่ร้อน บนศาลามีร้านขายของที่ระลึกอีกเช่นกัน และทางเดินเข้าออกก็จะมีชาวบ้านเข้ามาตั้งร้านจำหน่ายอาหารแห้งแบบพื้นเมืองเช่น กบ เขียด ปลาแห้ง ฯลฯ อยู่ตลอดเหมือนกัน

 

 
คอนพะเพ็ง .. ยิ่งใหญ่มากเลย .. ต้องไปชมเองครับ ..

อากาศวันนี้มีเมฆครึ้มๆ มีฝนตกลงมาปรอยๆ ไม่ค่อยมีแสงแดดซักเท่าไหร่ นั่งพักผึ่งพุง ย่อยอาหารจนข้าวเรียงเม็ดกันเป็นที่สบายตัวาบายใจกันแล้ว เลยเดินทางกลับปากเซดีกว่า ตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว กว่าจะถึงปากเซก็น่าจะประมาณ 5 โมงเย็นได้ จะได้ถึงโรงแรมไม่มืดไม่ค่ำ

 

 
ร้านค้าบนศาลาชมวิว / ทางที่เดินเข้ามา ..

กลับถึงปากเซ ก่อนเข้าโรงแรมแวะเอาซิมโทละสับที่ซื้อมาไปให้ร้านโทละสับข้างหน้าโรงแรมตั้งค่าให้ซะหน่อย จะได้ลองใช้ 3G ของปะเทดลาวดูซํกหน่อย แต่ปรากฎว่าร้านจะ reset factory setting ท่าเดียวเลย อ่อ .. งั้นก็ไม่ต้องก็ได้จ้ะ จะใช้ที่ลาวแค่ 2-3 วันถึงกับต้อง reset ป๋มไม่ใช้ก็ได้คร๊าบบบเพ่

 
เจ้าของถนน .. หากเจอต้องหยุดให้ข้ามไปก่อนทุกครั้ง .. / สนามหลวง (ของเมืองปากเซ)

เลยกลับเข้าโรงแรม ถามที่ฟร้อนท์ว่ามีแม่บ้านเอาน้องไอของผมมาฝากเอาไว้บ้างหรือเปล่า? ฟร้อนท์บอกไม่มี ให้ลองขึ้นไปหาดูในห้อง เลยรับกุญแจแล้วขึ้นห้อง ใจไม่ค่อยดีเลยแฮะ กลัวน้องไปไม่ได้กลับบ้านอ่ะ .. เข้าห้องได้มองหาน้องไอก่อนเป็นอันดับแรก บนโต๊ะหวเตียงที่วางไว้เมื่อเช้าก็ไม่มี หลังทีวีก็ไม่มี หาจนทั่วก็ไม่เจอ อิ๊ออ๋ายแร๊วตรู น้องไออยู่หนายยยย ออกมาหาพี่เร๊วววว ..

กำลังจะยกหูโทละสับ โทรลงไปถามที่ฟร้อนท์ พลิกไปนั่งที่เตียงเห็นน้องไอถูกแอบซ่อนเอาไว้ในผ้าปูเตียงใกล้ๆ กับหมอน พลันคิดได้ว่า .. แม่บ้านเค้าคงไม่อยากวางเอาไว้ล่อตาล่อใจ เผื่อว่าถ้าใครมาเห็นเข้าอาจหักห้ามใจไม่ไหวมาหยิบยืมไปใช้ เลยเอาซ่อยไว้ในผ้าปูเตียง คิดว่าอย่างไรเสีย ถ้าเราจะนอนก็ต้องเห็นแน่นอน ก็ต้องขอบคุณแม่บ้านไว้ด้วยนะครับ เป็นหลักฐานยืนยันว่าโรงแรมนี้ไว้ใจได้ ยังดีกว่ารีสอร์ทมีชื่อในเมืองไทยซะอีก

 
ร้านอาหารเรือนแพคำฟอง / เป็นเรือนแพริมแม่น้ำ

ก็เลยได้มีเวลาอาบน้ำอาบท่าอย่างสบายใจให้หายเหนียวตัวเสียหน่อย เดี๋ยว 6 โมงเย็นไกด์บุนล้นจะมารับไปกินมื้อเย็นที่จองเอาไว้ที่แพอาหารริมโขง .. ชื่อร้าน .. เอ่ออออ .. อะไรหว่า อ่านไม่ออกอ่ะ .. !@#$% เป็นแพอาหารอยู่ริมแม่น้ำโขง ต้องเดินลงบันไดไปหลายขั้นเพื่อไปลงแพ อาหารอร่อยดี ถูกปากคนไทยอย่างเราๆ น้ำแจ่วที่กินกับปลาเผาที่นี่เค้าทำได้รสชาติดีมาก เอามาคลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยได้แล้วนะนั่น นี่ก็เป็นอีกร้านที่ไกด์พาทัวร์มากินกันบ่อยๆ เพราะหลังจากที่เราลงไปนั่งกินกัน ก็มีคณะทัวร์มากินอีก 2 กลุ่มใหญ่ๆ กินไปกินมาฝนก็เทลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไฟดับอีกต่างหาก แหม .. กำลังเมามันกับปลาแม่น้ำเผาอยู่เลย ต้องหยุดก่อนเพราะมองไม่เห็น เดี๋ยวก้างติดคอจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียที่ริมน้ำโขงซะเปล่าๆ .. 555+


ทานข้าวเย็นกันที่นี่แหละ ..

อิ่มแล้วก็กลับโรงแรมดีกว่า ละครมาแล้ว รีบกลับเพราะมีสมาชิกบางคนติดละครหลังข่าวอยู่ ทีวีที่นี่รับสัญญาณจากดาวเทียมของไทยทั้งนั้น มีให้ดูครบทุกช่องที่เมืองไทยมี คนลาวดูละครไทยนี่แหละ ฟังเพลงก็เพลงไทยอีกนั่นแหละ แต่คืนนั้นฝนตกตลอดทั้งคืน ไฟก็เลยดับๆ ติด ตลอดทั้งคืนอีกเช่นกัน เลยไม่ดงไม่ดูมันแล้วทีวี นอนดีกว่า

 
กลับมาถึงโรงแรม กำลังมีงานต้อนรับคณะดูงานจากปะเทดไทยที่ห้องจัดเลี้ยง  ไกด์บุนล้นพาเข้าไปดูการแสดงศิลปวัฒนธรรม .. รำได้สวยงามมาก .. เหมือนกับของคนไทยเรานี่เอง แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดของคนทั้งสองปะเทด

เอาล่ะ หมดไปอีกวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวน้ำตกอีก 3 แห่ง แล้วก็กลับเมืองไทยกันแล้ว คอยติดตามตอนต่อไปกันนะ ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านกันมาจนถึงบรรทัดนี้ เขียนแบบมาราธอนจริงๆ เลยทริปนี้ 555+

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://plus.google.com/u/1/photos/103736898918551133698/albums/5865884210849512801

ไปชมแบบรีวิว มี 2 ตอนนะ
ตอนแรก : ตอนที่สอง

| วันแรก | วันที่สอง | วันที่สาม | วันที่สี่ | วันที่ห้า |

 

เขียนเมื่อ : วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2555 เวลา 23:51 น. GMT+7 THAILAND
ผู้เขียน : Tombass

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น